“เอ็กโก กรุ๊ป” ซื้อหุ้น 49% โรงไฟฟ้าก๊าซฯ “ไรเซ็ก” ในสหรัฐฯ

ผู้ชมทั้งหมด 391 

“เอ็กโก กรุ๊ป” เข้าถือหุ้น 49% ใน “ไรเซ็ก” เจ้าของโรงไฟฟ้าพลังความร้อนร่วมที่ใช้ก๊าซธรรมชาติเป็นเชื้อเพลิง กำลังผลิต 609 เมกะวัตต์ สหรัฐฯ คาดขายหุ้นเสร็จสิ้นไตรมาส 1ปี66  

นายเทพรัตน์ เทพพิทักษ์ กรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัท ผลิตไฟฟ้า จำกัด (มหาชน) หรือ เอ็กโก กรุ๊ป เปิดเผยว่า บริษัท เอ็กโก ไรเซ็ก ทู แอลแอลซี (EGCO RISEC II, LLC) ซึ่งเป็นบริษัทย่อยที่เอ็กโกถือหุ้นทั้งหมดในประเทศสหรัฐอเมริกาได้ลงนามในสัญญาซื้อขายหุ้นกับโคเจนทริก ไรเซ็ก ซีพีโอซีพี โฮลดิ้งส์ แอลแอลซี (Cogentrix RISEC CPOCP Holdings, LLC) และโคเจนทริก ไรเซ็ก ซีพีพี ทู โฮลดิ้งส์ แอลแอลซี (Cogentrix RISEC CPP II Holdings, LLC) เมื่อวันที่ 11 พฤศจิกายน 2565 เพื่อเข้าถือหุ้นสัดส่วน 49% ใน “ไรเซ็ก” โดยคาดว่าการซื้อขายหุ้นจะแล้วเสร็จภายในไตรมาสที่ 1 ของปี 2566 หลังจากดำเนินการตามเงื่อนไขต่าง ๆ ในการปิดรายการซื้อขายแล้วเสร็จ

สำหรับ โรงไฟฟ้า “ไรเซ็ก” จำหน่ายไฟฟ้าในตลาดกลางซื้อขายไฟฟ้านิวอิงแลนด์ (“ISO-NE”) และเป็นหนึ่งในโรงไฟฟ้าที่ใช้ก๊าซธรรมชาติเป็นเชื้อเพลิงที่มีประสิทธิภาพสูงที่สุดในระบบของ ISO-NE โดย “ไรเซ็ก” ทำสัญญาขายกำลังผลิตพร้อมจ่ายทั้งหมดและให้บริการเสริมความมั่นคงระบบไฟฟ้า Blackstart กับ ISO-NE ขณะเดียวกัน โรงไฟฟ้าแห่งนี้ยังทำสัญญาจำหน่ายไฟฟ้าที่ผลิตได้ทั้งหมดพร้อมทั้งให้บริการเสริมความมั่นคงระบบไฟฟ้าอื่น ๆ กับบริษัท เชลล์ เอ็นเนอร์ยี่ นอร์ธ อเมริกา (Shell Energy North America) ซึ่งเป็นผู้รับซื้อไฟฟ้าที่มีความน่าเชื่อถือด้านการลงทุนในระดับ A/A2 ภายใต้สัญญาซื้อขายไฟฟ้าแบบรับจ้างแปลงพลังงาน (Energy Tolling Agreement) ซึ่งส่งผลดีให้ “ไรเซ็ก” มีรายได้ที่มั่นคงและสม่ำเสมอ

“เอ็กโก กรุ๊ป ยังมองเห็นโอกาสต่อยอดความร่วมมือทางธุรกิจกับพันธมิตรที่ร่วมลงทุนในโรงไฟฟ้าแห่งนี้ รวมถึงโอกาสการลงทุนเพิ่มเติมในโรงไฟฟ้าก๊าซธรรมชาติที่มีประสิทธิภาพสูงและโรงไฟฟ้าพลังงานหมุนเวียนในประเทศสหรัฐอเมริกาในอนาคต”

นอกจากนี้ โรงไฟฟ้า  “ไรเซ็ก” ยังมีศักยภาพในการลงทุนเพิ่มกำลังผลิต ด้วยการติดตั้งระบบกักเก็บพลังงานไฟฟ้า (Battery Energy Storage System) รวมถึงการใช้ไฮโดรเจนเป็นเชื้อเพลิงผสมในการผลิตไฟฟ้า ซึ่งสอดคล้องกับทิศทางการดำเนินธุรกิจของเอ็กโก กรุ๊ป “Cleaner, Smarter and Stronger to Drive Sustainable Growth” ด้วยเป้าหมายบรรลุความเป็นกลางทางคาร์บอน (Carbon Neutral) ภายในปี พ.ศ. 2593