ผู้ชมทั้งหมด 876
AOT นำร่องแท็กซี่ไฟฟ้า (EV) บริการในสนามบินสุวรรณภูมิปีนี้ 1,000 คัน พร้อมตั้งเป้าขยาย เปลี่ยนเป็นรถ EV ทั้งระบบภายในปี 68 พร้อมติดตั้งสถานีให้บริการ EV Charge รองรับ หวังมุ่งสู่การเป็น Green Airport แห่งแรกของไทย
![](https://www.ten-news.com/wp-content/uploads/2024/02/AOT-9-1024x768.jpg)
ดร.กีรติ กิจมานะวัฒน์ กรรมการผู้อำนวยการใหญ่ บริษัท ท่าอากาศยานไทย จำกัด (มหาชน) หรือ AOT กล่าวว่า AOT ให้ความสำคัญต่อการดำเนินงานที่เป็นมิตรต่อชุมชน สังคม และสิ่งแวดล้อม โดยมุ่งขับเคลื่อนท่าอากาศยานสุวรรณภูมิสู่การเป็นต้นแบบ Green Airport หรือท่าอากาศยานที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อมแห่งแรกในประเทศไทย จึงได้นำร่องการให้บริการยานยนต์ไฟฟ้ารับจ้างสาธารณะ (EV Taxi) ในท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ โดยในล็อตแรกจะมีรถยนต์ EV Taxi ให้บริการจำนวน 100 คัน และตั้งเป้าจะให้มีรถยนต์ EV Taxi บริการในท่าอากาศยานสุวรรณภูมิในปีนี้ให้ได้ 1,000 คัน ซึ่งมั่นใจว่าผู้ประกอบการรถแท็กซี่ที่เป็นเชื้อเพลิงน้ำมัน LPG และ NGV จะหันมาใช้ EV Taxi เนื่องจากมีต้นทุนเชื้อเพลิง และค่าเช่ารถที่ถูกลงก็จะเป็นการจูงใจให้กลุ่มรถแท็กซี่เชื้อเพลิงน้ำมัน LPG และ NGV หันมาเปลี่ยนใช้ EV Taxi มากขึ้น
“ปัจจุบันมีเที่ยวบินมาลงที่ท่าอากาศยานสุวรรณภูมิกว่า 1,000 เที่ยวบินต่อวัน มีผู้โดยสารมากถึง 2 แสนคนต่อวัน ตัวเลขเติบโตขุ้นเรื่อยๆ ขณะที่รถแท็กซี่ที่ให้บริการมีอยู่ราว 3,000 คัน คาดว่าจากนี้รถแท็กซี่ที่ให้บริการในท่าอากาศยานสุวรรณภูมิจะเพิ่มขึ้นถึง 4,000 – 5,000 คัน เติบโตตามผู้โดยสารที่เพิ่มขึ้น ดังนั้นในจำนวนนี้ทาง AOT ก็มีเป้าหมายจะให้เปลี่ยนมาใช้ EV Taxi ทั้งหมด” ดร.กีรติ กล่าว
ดร.กีรติ กล่าวเพิ่มเติมว่า ในส่วนของการให้บริการรถยนต์ EV Taxi นั้น ปัจจุบันมีสมาชิกผู้ขับขี่รถรับจ้างสาธารณะ เริ่มให้ความสนใจในการปรับเปลี่ยนมาใช้รถยนต์ EV Taxi เพิ่มมากขึ้น ทั้งนี้เพื่อรองการให้บริการรถยนต์ EV Taxi AOT ได้ดำเนินการติดตั้งสถานีให้บริการเครื่องอัดประจุยานยนต์ไฟฟ้าแบบใช้สายโดยการอัดประจุแบบเร็วด้วยไฟฟ้ากระแสตรง (DC Fast Charge) ซึ่งมีกำลังไฟฟ้าในการอัดประจุ 40 kW ต่อเครื่อง จำนวน 16 เครื่อง และ 150 kW ต่อเครื่อง จำนวน 2 เครื่อง บริเวณลานจอดรถระยะยาวโซน E ของท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ เพื่อรองรับการให้บริการแก่รถแท็กซี่ที่จะเปลี่ยนแปลงรูปแบบเป็นยานยนต์ไฟฟ้าเพิ่มมากขึ้นในปัจจุบันและอนาคต
![](https://www.ten-news.com/wp-content/uploads/2024/02/AOT-2-1024x683.jpg)
![](https://www.ten-news.com/wp-content/uploads/2024/02/AOT-3-1024x768.jpg)
![](https://www.ten-news.com/wp-content/uploads/2024/02/AOT-5-1024x768.jpg)
นอกจากนี้ ท่าอากาศยานสุวรรณภูมิก็อยู่ระหว่างดำเนินการติดตั้งเครื่อง DC Fast Charge ซึ่งมีกำลังไฟฟ้าในการอัดประจุ 360 kW ต่อเครื่อง จำนวน 10 เครื่อง และ 150 kW ต่อเครื่อง จำนวน 2 เครื่อง เพื่อรองรับการให้บริการแก่รถบริการรับ – ส่งผู้โดยสาร (Shuttle Bus) รถบริการสาธารณะ รถส่วนกลาง และรถส่วนงานของ AOT ภายในพื้นที่ Support Facilities บริเวณตรงข้ามศูนย์บริหารการขนส่งสาธารณะ พร้อมกันนี้ AOT ยังมีโครงการติดตั้ง EV Charging Station ทั้งในพื้นที่ Airside, Landside และ Custom Free Zone รวม 7 จุด เพื่อรองรับแนวโน้มที่ยานยนต์ไฟฟ้าจะได้รับความนิยมในวงกว้าง ตามทิศทางที่ทั่วโลกหันมาสนใจการใช้ยานยนต์ขับเคลื่อนด้วยพลังงานสะอาดอีกด้วย
ดร.กีรติ กล่าวว่า การจะยกระดับให้ท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ เป็นต้นแบบ Green Airport นั้นยังมีเป้าหมายในการเปลี่ยนรถยนต์ที่ให้บริการในท่าอากาศยานสุวรรณภูมิทั้งหมดไม่ว่าจะเป็นรถบริการในสนามบิน รถตู้ รถบัส รถเมล์ขสมก. มาเป็นรถยนต์ไฟฟ้าทั้งหมดภายในปี 2568 ดังนั้น หากมีการเปลี่ยนรถยนต์ที่ให้บริการ ณ ท่าอากาศยานสุวรรณภูมิให้เป็นรถไฟฟ้า (EV) ได้ จะทำให้ลดการปล่อยก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ได้มากกว่า 50 ล้านตันต่อปี
ส่วนการนำร่องการให้บริการยานยนต์ EV Taxi ในอีก 5 ท่าอากาศยานของ AOT ท่าอากาศยานดอนเมือง ท่าอากาศยานเชียงใหม่ ท่าอากาศยานแม่ฟ้าหลวง เชียงราย ท่าอากาศยานภูเก็ต และท่าอากาศยานหาดใหญ่ ก็จะดำเนินการควบคู่ไปพร้อมกับท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ ซึ่งในท่าอากาศยานดอนเมือง ท่าอากาศยานภูเก็ต ก็เริ่มนำร่องใช้บ้างแล้ว อย่างไรก็ตาม AOT ตั้งเป้าจะให้บริการยานยนต์ EV Taxi ให้ครบทุกท่าอากาศยานของ AOT ภายในปี 2567