BAFS มั่นใจปีนี้! ให้บริการเติมน้ำมันอากาศยานโตตามเป้า 4,200 ล้านลิตร

ผู้ชมทั้งหมด 437 

BAFS มั่นใจปีนี้! ให้บริการน้ำมันอากาศยานเติบโตตามเป้า 4,200 ล้านลิตรต่อปี หลังจีนเพิ่ม เที่ยวบินเข้าไทย ขณะที่การขนส่งน้ำมันทางท่อภาคเหนือหวังปิดดีลโออาร์ ก.ค.นี้ เชื่อมโรงกลั่นภาคตะวันออก ช่วยหนุนปริมาณการขนส่งทะลุ 2,450 ล้านลิตรต่อปี

ม.ล.ณัฐสิทธิ์ ดิศกุล กรรมการผู้อำนวยการใหญ่ บริษัท บริการเชื้อเพลิงการบินกรุงเทพ จำกัด (มหาชน) หรือ BAFS เปิดเผยว่า บริษัทฯ มั่นใจว่าผลประกอบการในปี 2566 จะเติบโตกลับมาเป็นบวกได้ เนื่องจากการให้บริการเติมน้ำมันอากาศยานของ BAFS คาดว่าจะเติบโตตามเป้าหมายที่ 4,200 ล้านลิตรต่อปี หรือเติบโตประมาณ 50% จากปี 2565 ที่มีปริมาณการบริการเติมน้ำมันอากาศยานอยู่ที่ 2,990 ล้านลิตรต่อปี โดยในครึ่งปีแรก 2566 บริษัทให้บริการเติมน้ำมันอากาศยานอยู่ที่ประมาณ 1,800-1,900 ล้านลิตร

โดยคาดว่าในครึ่งปีหลัง 2566 ธุรกิจให้บริการเติมน้ำมันอากาศยานจะเติบโตมากขึ้น หลังจากสายการบินจากประเทศจีนมีการเพิ่มเที่ยวบินมายังประเทศไทย (ท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ) โดยตารางบินปัจจุบันเที่ยวบินจากประเทศจีนได้รับจัดสรร ณ เดือนกรกฎาคม 2566 อยู่ที่ประมาณ 400-500 เที่ยวบินต่อสัปดาห์ เพิ่มขึ้นจากต้นปีนี้อยู่ที่ประมาณ 120-125 เที่ยวบินต่อสัปดาห์ ขณะที่แนวโน้มในช่วงปลายปี หรือช่วงไฮซีซั่นคาดว่าจะเพิ่มขึ้นอีก อย่างไรก็ตามการบริการเติมน้ำมันอากาศยานในปี 2567 บริษัทคาดว่าจะเติบโตใกล้เคียงกับปี 2562 หรือ ช่วงก่อนเกิดโควิด – 19 อยู่ที่ 6,200 ล้านลิตรต่อปี หลังจากสายการบินทั้งในประเทศ และต่างประเทศจะกลับมาดำเนินการบินได้ตามปกติเพิ่มขึ้น

ส่วนการให้บริการขนส่งน้ำมันทางท่อของ บริษัท ขนส่งน้ำมันทางท่อ จำกัด (FPT) ซึ่งเป็นบริษัทย่อยของ BAFS นั้นอยู่ระหว่างการพิจารณาปรับเป้าหมายใหม่ หลังจากในช่วงไตรมาส 1/2566 สามารถส่งน้ำมันไปยังภาคเหนือได้ตามเป้าหมายแล้วที่ 800 ล้านลิตรต่อปี ซึ่งคาดว่าภาพรวมทั้งปี 2566 จะเติบโตมากกว่านี้ ขณะที่ในปี 2565 มีการบริการขนส่งน้ำมันทางท่ออยู่ที่ 410 ล้านลิตรต่อปี ซึ่งการใช้ประโยชน์ในการขนส่งน้ำมันทางท่อเพียง 20% ของความสามารถในการขนส่งน้ำมันทางท่อเส้นภาคเหนือของ FPT อยู่ที่ 2,450 ล้านลิตรต่อปี ขณะที่ความต้องการใช้น้ำมันทางภาคเหนืออยู่ที่ประมาณ 4,000 ล้านลิตรต่อปี

เจรจาโออาร์เชื่อมท่อน้ำมันโรงกลั่นภาคตะวันออกสู่ภาคเหนือ

ทั้งนี้เพื่อรองรับความต้องการใช้น้ำมันของภาคเหนือ นั้น FPT มีแผนที่จะเพิ่มขีดความสามารถในการขนส่งน้ำมันทางท่อเป็น 4,900 ล้านลิตรต่อปี โดยการเพิ่มสถานีแรงดันตามแนวท่อจำนวน 4 แห่ง ในขณะเดียวก็อยู่ระหว่างการเจรจาเชื่อมต่อกับคลังน้ำมันของ บริษัท ท่อส่งปิโตรเลียมไทย จำกัด (Thappline) บริษัทย่อยของ บริษัท ปตท.น้ำมันและการค้าปลีก จำกัด (มหาชน) หรือ OR ในการเชื่อมท่อน้ำมันจากคลังน้ำมันของ Thappline ที่อ.เสาไห้ จ.สระบุรีไปยังท่อขนส่งน้ำมันจ.อ่างทองของ FPT ซึ่งช่วยเพิ่มขีดความสามารถในการขนส่งน้ำมันทางท่อไปยังภาคเหนือของบริษัทได้เพิ่มขึ้น เนื่องจากคลังน้ำมันที่อ.เสาไห้ จ.สระบุรีมีการเชื่อมต่อจากคลังน้ำมันที่อ.ลำลูกกา จ.ปทุมธานีที่เชื่อมมาจากโรงกลั่นภาคตะวันออก ซึ่งนอกจะเกิดประโยชน์กับ BAFS แล้วการลงทุนในครั้งนี้ก็จะเกิดประโยชน์อย่างมากกับทางโรงกลั่นน้ำมันภาคตะวันออกจะสารมารถส่งน้ำมันขึ้นทางภาคเหนือได้โดยไม่ต้องใช้รถยนต์ขนส่ง ผู้ค้าน้ำมันสามารถเลือกซื้อน้ำมันได้ทุกโรงกลั่น และยังเกิดประโยชน์กับประเทศไทยยกระดับการเป็นศูนย์กลางการขนส่งน้ำมันของภูมิภาค

สำหรับการลงทุนเชื่อมท่อน้ำมันจากคลังน้ำมันที่ที่อ.เสาไห้ จ.สระบุรีไปยังท่อขนส่งน้ำมันจ.อ่างทองมีระยะทางประมาณ 52 กิโลเมตร คาดว่าจะใช้เงินลงทุนประมาณ 1,200 ล้านบาท ในขณะนี้บริษัทได้ขออนุญาติใช้ทางกับกรมทางหลวง (ทล.) พร้อมกับออกแบบทางเทคนิคแล้ว และอยู่ระหว่างเตรียมยื่นขอ EIA โดยการเจรจากับ OR คาดว่าจะสรุปรายเอียดในข้อตกลงได้ประมาณเดือนกรกฎาคม 2566 ส่วนการลงทุนทาง BAFS พร้อมลงทุนหมด 100% หากเริ่มดำเนินการก่อสร้างได้ภายในปีนี้ก็คาดว่าจะสามารถเปิดให้บริการได้ในปี 2568