BAFS เล็งปิดดีลโซลาร์ฟาร์ม 30 เมกะวัตต์ หนุนกำลังการผลิตเป็น 60 MW ในปีนี้

ผู้ชมทั้งหมด 580 

BAFS เล็งปิดดีลโซลาร์ฟาร์ม 30 เมกะวัตต์ ภายใน 1 เดือน หนุนกำลังการผลิตในมือเพิ่มเป็น 60 เมกะวัตต์ภายในสิ้นปีนี้ พร้อมซุ่มเจรจาพันธมิตรสิงคโปร์ มาเลเซีย ดีลขายรถยนต์เติมน้ำมันอากาศยานไฟฟ้า   

ม.ล.ณัฐสิทธิ์ ดิศกุล กรรมการผู้อำนวยการใหญ่ บริษัท บริการเชื้อเพลิงการบินกรุงเทพ จำกัด (มหาชน) หรือ BAFS กล่าวว่า เพื่อเป็นการลดความเสี่ยงต่อธุรกิจหลัก จึงเริ่มเข้าไปลงทุนในธุรกิจที่ไม่เกี่ยวกับอุตสาหกรรมการบิน โดยมีแผนขยายการลงทุนในธุรกิจโรงไฟฟ้าอย่างต่อเนื่อง ธุรกิจไฟฟ้านั้นบริษัทเตรียมปิดดีลซื้อกิจการ (M&A) โรงไฟฟ้าโซลาร์ฟาร์ม ขนาดกำลังการผลิต 30 เมกะวัตต์ โดยจะทยอยซื้อในระยะแรกก่อน 15 เมกะวัตต์ ซึ่งจะเป็นการเข้าซื้อกิจการบริษัทที่มีใบอนุญาติซื้อขายไฟฟ้าแล้วคาดว่าจะปิดดีลได้ภายใน 1 เดือน

นอกจากนี้บริษัทฯ ยังอยู่ระหว่างการเจรจากับพันธมิตรที่ดำเนินธุรกิจโรงงานอุตสาหกรรมลงทุนโซลาร์รูฟท็อป เป็นรูปแบบ Private PPA ซึ่งในปีนี้บริษัทฯ ตั้งเป้ามีกำลังการผลิตไฟฟ้าในมือเพิ่มขึ้นเป็น 60 เมกะวัตต์ จากปัจจุบันมีกำลังการผลิตในมือ 49.40 เมกะวัตต์ สำหรับโซลาร์รูฟท็อปคาดว่าจะมีความชัดเจนการลงทุนในเร็วๆ นี้และจะดำเนินการติดตั้งทันทีในปีนี้ ส่วนโครงการโซลาร์รูฟท็อป เมื่อดำเนินการปิดดีลแล้วเสร็จก็จะเริ่มการติดตั้งในปี 2567

ส่วนธุรกิจประกอบและจำหน่ายรถยนต์เติมน้ำมันอากาศยานไฟฟ้า หรือ BEV Hydrant dispenser ได้มีการทดลองใช้ที่ท่าอากาศยานดอนเมืองจำนวน 2 คัน และเตรียมใช้ที่ท่าอากาศยานสุวรรณภูมิอีก 1 คันในช่วงกลางปี 2567 อย่างไรก็ตามธุรกิจรถยนต์เติมน้ำมันอากาศยานไฟฟ้านั้นปัจจุบันก็เริ่มได้รับความสนใจจากประเทศสิงคโปร์ และมาเลเซีย ซึ่งประเทศเหล่านี้นโยบายชัดที่ต้องการเป็นท่าอากาศยานที่เป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อม (GREEN AIRPORT) คาดว่าจะสามารถส่งออกให้กับสิงคโปร์ มาเลเซีย ได้ประมาณปี 2567

นอกจากรถยนต์เติมน้ำมันอากาศยานไฟฟ้าแล้ว ม.ล.ณัฐสิทธิ์ ระบุว่า บริษัทยังสามารถผลิตรถยนต์ไฟฟ้าที่ใช้บริการในท่าอากาศยานอื่นๆ ได้อีก เช่น รถขนกระเป๋า รถกอล์ฟ ซึ่งธุรกิจเหล่าจะได้รับความสนใจมากขึ้นในอนาคต ในขณะเดียวกัน BAFS ตั้งเป้าสร้างรายได้จากธุรกิจที่ไม่เกี่ยวข้องอุตสาหกรรมการบินในปี 2569 สัดส่วนรายได้จากธุรกิจที่ไม่เกี่ยวข้องอุตสาหกรรมการบิน เช่น ธุรกิจไฟฟ้า ขนส่งน้ำมันทางท่อ และดิจิตอลโซลูชั่นจะเป็น 50% ส่วนธุรกิจให้บริการเติมน้ำมันอากาศยาน ซึ่งเป็นธุรกิจหลักของ BAFS จะมีสัดส่วนรายได้ที่ 50% จากปัจจุบันสัดส่วนรายได้ธุรกิจให้บริการเติมน้ำมันอากาศยาน 70% ส่วนธุรกิจไฟฟ้า ขนส่งน้ำมันทางท่อ และดิจิตอล อยู่ที่ 30%