BANPUไตรมาส2กวาดกำไร1.3พันล้าน-ราคาถ่านหินพุ่ง152.4เหรียญสหรัฐฯ

ผู้ชมทั้งหมด 475 

BANPU ไตรมาส2แข็งแกร่งกวาดกำไร 1,325 ล้านบาทเพิ่มขึ้น 153% ขณะที่รายได้จากการขายเพิ่ม 54% หลังจากราคาถ่านหิน ก๊าซธรรมชาติปรับตัวสูงขึ้น รวมทั้งได้รับปัจจัยหนุนจาก BPP ที่มีกำไร 1,126 ล้านบาท

นางสมฤดี ชัยมงคล ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท บ้านปู จำกัด (มหาชน) หรือ BANPU เปิดเผยว่า ผลการดำเนินงานในไตรมาส 2/2564 บริษัทมีกำไรสุทธิ 42 ล้านเหรียญสหรัฐอเมริกา หรือประมาณ  1,325 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 153% เมื่อเทียบกับงวดเดียวกันของปีก่อนที่ขาดทุนสุทธิ 2,514 ล้านบาท

สำหรับกำไรสุทธิที่ปรับตัวเพิ่มขึ้นนั้น เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของของปีก่อน เนื่องมามาจากการปรับตัวที่สูงขึ้นของราคาตลาดถ่านหิน โดย ณ วันที่ 30 กรกฎาคม 2564 นั้นดัชนีราคาถ่านหิน  The Newcastle Export Index (NEX) เฉลี่ยในระดับ 152.4 เหรียญสหรัฐฯต่อตัน ขณะที่ดัชนีราคาก๊าซธรรมชาติ Henry Hub อยู่ในระดับ 3.91 เหรียญสหรัฐฯต่อล้านบีทียู จึงส่งผลดีในภาพรวมต่อกลุ่มบริษัท

พร้อมกันนี้ยังได้รับปัจจัยหนุนจากการรับรู้กำไรจากอัตราแลกเปลี่ยน ซึ่งเป็นผลมาจากการอ่อนค่าของเงินสกุลบาทต่อเงินสกุลเหรียญสหรัฐ แม้ว่าสภาพเศรษฐกิจทั่วโลกได้รับผลกระทบจากการแพร่ระบาดของโควิด-19  ส่งผลเศรษฐกิจโลกและความต้องการในการใช้พลังงานของโลก รวมทั้งยังได้รับปัจจัยหนุนจากมาตรการลดต้นทุนและเพิ่มประสิทธิภาพการผลิต เพื่อรองรับความไม่แน่นอนของสภาพเศรษฐกิจโลก

นอกจากนี้ยังได้รับปัจจัยหนุนจากธุรกิจผลิตไฟฟ้าของบริษัท บ้านปู เพาเวอร์ จำกัด (มหาชน) หรือ BPP ยังมีผลประกอบการเติบโตเพิ่มขึ้น โดยมีกำไรสุทธิงวดไตรมาส 2/2564 อยู่ที่ 1,126 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 66%

ส่วนรายได้จากการขาย และการให้บริการ 799 ล้านเหรียญสหรัฐฯ หรือประมาณ  25,063 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 54% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อนที่มีรายได้จากการขายอยู่ที่ 518 ล้านเหรียญสหรัฐฯ โดยรายได้จากธุรกิจถ่านหินเพิ่มขึ้น 134 ล้านเหรียญสหรัฐฯ รายได้จากธุรกิจก๊าซเพิ่มขึ้น 149 ล้านเหรียญสหรัฐฯ

ขณะที่ธุรกิจเทคโนโลยีพลังงาน ยังคงเดินหน้าในการพัฒนาผลิตภัณท์และการให้บริการเพื่อมุ่ง สู่การสร้างระบบ นิเวศน์พลังงานบ้านปู หรือ Banpu energy ecosystem โดยมีพัฒนาการที่สำคัญได้แก่ การ ก่อสร้างโรงไฟฟ้าโซลาร์ลอยน้ำ ขนาดกำลังการผลิต 16 เมกะวัตต์ที่นิคมหลักชัยเมืองยางมีความคืบหน้าไปแล้วกว่าร้อยละ 60 ขณะที่ธุรกิจติดตั้งโซลาร์บนหลังคาได้มีการริเริ่มขยายฐานการให้บริการไปยังกลุ่มลูกค้าธุรกิจขนาดกลางมากขึ้น

นอกจากนี้ธุรกิจซื้อขายพลังงานไฟฟ้าในประเทศญี่ปุ่นได้มีการทำสัญญาเพิ่มเติมกว่า 10 สัญญาจากลูกค้ารายใหม่ จำนวน 6 ราย ซึ่งประกอบไปด้วย โรงพยาบาล มหาวิทยาลัย และสถาบันแห่งชาติต่างๆ รวมทั้งสิ้น 111 กิกะวัตต์ ชั่วโมงเป็นระยะเวลา 1 ปี

ด้านนายกิรณ ลิมปพยอม ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร BPP เปิดเผยว่า บริษัทมีกำไรสุทธิงวดไตรมาส 2/2564 อยู่ที่ 1,126 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 66% เมื่อเทียบกับงวดเดียวกันของปีก่อนอยู่ที่ 680 ล้านบาท และเพิ่มขึ้นเมื่อเทียบกับไตรมาสก่อนอยู่ที่ 1,034 ล้านบาท เนื่องจากการรับรู้ส่วนแบ่งกำไรจากการร่วมค้าของโรงไฟฟ้า HPC ที่เพิ่มขึ้นจากผลการดำเนินงานโดยรวม

รวมถึงได้รับปัจจัยหนุนจากการอ่อนค่าของเงินสกุลบาทต่อเงินสกุลเหรียญสหรัฐฯ ขณะที่การรับรู้ส่วนแบ่งกำไรของโรงไฟฟ้า BLCP ลดลง จากการหยุดซ่อมบำรุง และรับรู้รายการภาษีเงินได้รอตัดบัญชีและผลกระทบจากอัตราแลกเปลี่ยนที่ยังไม่เกิดขึ้นจริง รวมถึงการลดลงในปริมาณการขายไฟและไอน้ำของโรงไฟฟ้าพลังงานความร้อนร่วมในจีนจากความต้องการของลูกค้าที่ลดลงและต้นทุนถ่านหินที่สูงขึ้น

ขณะที่ไตรมาส 2/2564 บริษัทมีรายได้จากการขายรวมจำนวน 861 ล้านบาท ลดลง 200 ล้านบาท คิดเป็น 19% เมื่อเทียบกับไตรมาสเดียวกันของปีก่อน จากผลประกอบการที่ลดลงของโรงไฟฟ้าพลังความร้อนร่วมในจีน