ผู้ชมทั้งหมด 523
“บ้านปู” เข้มลดต้นทุนคุมรายจ่ายรับมือราคาถ่านหินอ่อนตัว คาดไตรมาส 3 ราคาก๊าซฯปรับตัวดีขึ้น เล็งขยายการลงทุนโครงการCCUS เพิ่ม ตั้งเป้าผลตอบแทนไม่ต่ำกว่า 20% ลั่นเดินหน้านำ BKV เข้าระดมทุนตลาดฯสหรัฐ ชี้ เร็วสุดไตรมาส4ปีนี้ ด้าน “บ้านปู เพาเวอร์” คาด ผลประกอบการ 2 โรงไฟฟ้าก๊าซฯในสหรัฐ หนุนรายได้และกำไรปี66 โตชัดเจน เล็งปิดดีลM&A โรงไฟฟ้าพลังงานหมุนเวียน และแบตเตอรี่เพิ่ม คาดชัดเจนหลังไตรมาส 3 ปีนี้
![](https://www.ten-news.com/wp-content/uploads/2023/08/S__148169012-1024x580.jpg)
นางสมฤดี ชัยมงคล ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท บ้านปู จำกัด (มหาชน) หรือ BANPU เปิดเผยในงานOppday Q2/2023 BANPU เมื่อวันที่ 29 ส.ค.2566 โดยระบุว่า กลยุทธ์การลงทุนของบริษัทในช่วงที่เหลือของปีนี้ จะมุ่นเน้นการลดต้นทุน และลดค่าใช้จ่าย เพื่อรับมือกับราคาขายถ่านหินที่อ่อนตัวลงเมื่อเทียบกับปีก่อน ขณะที่การเติบโตทางธุรกิจยังเดินหน้าขยายการลงทุนตามแผนที่วางไว้ โดยในส่วนของราคาก๊าซฯธรรมชาติ ปัจจุบันอยู่ที่ 2.5-2.6 ดอลลาร์ต่อล้านลูกบาศก์ฟุต คาดว่า ไตรมาส 3 ปีนี้จะปรับตัวดีขึ้นจากไตรมาส 2 ที่ผ่านมา ส่วนราคาถ่านหิน ปัจจุบัน อยู่ที่ 150-160 ดอลลาร์ต่อตัน ถือว่าเป็นราคาที่ดี และคงไม่เห็นราคาถ่านหินขยับขึ้นไปแตะในระดับ 400 ดอลลาร์ต่อตัน ในช่วง 2 ปีที่ผ่านมา และคงไม่ลงไปอยู่ที่สองหลักเช่นกัน ฉะนั้นคาดว่าในช่วง1-2 ปีนี้ ราคาถ่านหินน่าจะอยู่ในระดับร้อยดอลลาร์กลางๆ ซึ่งในช่วงที่เหลือของปีนี้ ได้ทำประกันความเสี่ยงราคาถ่านหินไว้แล้ว
สำหรับความคืบหน้าโครงการดักจับและกักเก็บก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ (Carbon Capture, Utilization and Storage: CCUS) ในสหรัฐอเมริกา ปัจจุบัน เข้าไปลงทุนแล้ว 2 โครงการ งบลงทุนราว 30 ล้านดอลลาร์ คาดว่าจะสามารถกักเก็บคาร์บอนฯได้ 2.1 แสนตันต่อปี และปลายปีนี้ การลงทุนในเฟสแรก จะเริ่มกักเก็บคาร์บอนฯได้ อย่างไรก็ตาม ในอนาคตบริษัท มีแผนจะขยายการลงทุน CCUS เพิ่มเติมอีกหลายโครงการ และวางเป้าหมายผลการตอบแทนการลงทุนแต่ละโครงการจะไม่ต่ำกว่า 20%
“แนวโน้มกำไรของบริษัท ยังคงขึ้นอยู่กับทิศทางราคาก๊าซฯ และถ่านหินเป็นหลัก แต่ในส่วนของกระแสเงินสดของบริษัทในครึ่งปีแรกอยู่ในระดับกว่า 600 ล้านดอลลาร์แล้ว ถือว่ามีสถานะการเงินที่แข็งแกร่ง”
ส่วนการเตรียมความพร้อมในการนำบริษัท BKV Corporation (BKV) ซึ่งเป็นบริษัทย่อยที่บ้านปูถือในสัดส่วน 96.12% เข้าระดมทุนในตลาดหลักทรัพย์ฯสหรัฐ นั้น บริษัท ตั้งเป้าหมายจะดำเนินการได้เร็วสุดในช่วงไตรมาส 4 ปีนี้ หรือ อย่างช้าช่วงไตรมาส 1 ปีหน้า ทั้งนี้ยังขึ้นอยู่กับสภาวะตลาดในขณะนั้นด้วย
ปัจจุบัน กลุ่มบ้านปู มีกำลังการผลิตไฟฟ้าในมือ รวมกว่า 5,000 เมกะวัตต์ แบ่งเป็นโรงไฟฟ้าขนาดใหญ่ อยู่ที่ 4,008 เมกะวัตต์ และโรงไฟฟ้าพลังงานหมุนเวียน อยู่ที่ 966 เมกะวัตต์
![](https://www.ten-news.com/wp-content/uploads/2023/08/S__148169013-1024x578.jpg)
นายกิรณ ลิมปพยอม ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท บ้านปู เพาเวอร์ จำกัด (มหาชน) หรือ BPP กล่าวว่า แนวโน้มผลประกอบการของบริษัทในปี 2566 จะทำนิวไฮ หรือไม่นั้น ไม่สามารถตอบได้ แต่หากประเมินจากผลการดำเนินงานที่ผ่านมา ประกอบกับช่วงไตรมาส 3ของปีนี้ คาดว่า โรงไฟฟ้าพลังงานก๊าซธรรมชาติ Temple I ในสหรัฐ จะกลับมาเดินเครื่องการผลิตไฟฟ้าเต็มที่ หลังจากหยุดซ่อมบำรุงในช่วงไตรมาส 2 ที่ผ่านมา อีกทั้งบริษัท ยังได้เข้าซื้อหุ้นโรงไฟฟ้าพลังงานก๊าซธรรมชาติ Temple Il ในสหรัฐ จะทำให้มีรายได้และกำไรหนุนเข้ามาเพิ่มขึ้นในช่วงครึ่งหลังของปีนี้ และในช่วงไตรมาส 3 ของปีนี้จะเริ่มเห็นผลการดำเนินงานที่ชัดเจนขึ้น รวมถึงบริษัทยังได้ทำประกันความเสี่ยงด้านการเงินไว้แล้วทำให้มีกระแสเงินสดที่แข็งแกร่งพร้อมสำหรับเดินหน้าการลงทุนในอนาคต
อย่างไรก็ตาม บริษัทยังมีแผนที่จะควบรวมหรือเข้าซื้อกิจการ(M&A) โรงไฟฟ้าพลังงานหมุนเวียน และโครงการผลิตแบตเตอรี่ ในพื้นที่ที่มีการลงทุนอยู่แล้ว โดยเฉพาะในสหรัฐ โดยหลังจบไตรมาส 3 บริษัทจะเดินหน้าการลงทุนในธุรกิจดังกล่าวแบบจริงจังมากขึ้น ส่วนโรงไฟฟ้าถ่านหินในจีน คาดว่าในช่วงไตรมาส 3 ปีนี้ ผลประกอบการจะเติบโตเพิ่มขึ้นจากครึ่งปีแรก เนื่องจากต้นทุนราคาถ่านหินปรับลดลง
ปัจจุบัน บริษัทมีกำลังการผลิตไฟฟ้า รวมอยู่ที่ 3,693 เมกะวัตต์ แบ่งเป็นโรงไฟฟ้าขนาดใหญ่ อยู่ที่ 3,247 เมกะวัตต์ และโรงไฟฟ้าพลังงานหมุนเวียน อยู่ที่ 446 เมกะวัตต์