BANPU มั่นใจไตรมาส 3-4/66 ผลงานดี บุ๊คกำไรโรงไฟฟ้ก๊าซสหรัฐ Temple II

ผู้ชมทั้งหมด 244 

BANPU มั่นใจไตรมาส 3-4/66 ผลงานดีกว่าช่วงเดียวกันของปีก่อน หลังบุ๊คกำไรโรงไฟฟ้ก๊าซสหรัฐ Temple II เพิ่ม เล็งลงทุนโรงไฟฟ้า-แหล่งก๊าซธรรมชาติเพิ่ม ส่วนแผนดัน BKV เข้าตลาด New York Stock Exchange รอดูทิศทางตลาดก่อน

นางสมฤดี ชัยมงคล ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท บ้านปู จำกัด (มหาชน) หรือ BANPU เปิดเผยว่า ผลประกอบการในช่วงไตรมาส 3-4/2566 คาดว่าจะเติบโตดีกว่าช่วงเดียวกันของปีก่อน หลังจากบริษัท Temple Generation Intermediate Holding เป็นบริษัทย่อย เข้าซื้อหุ้นสัดส่วน 100% ในบริษัท CXA Temple 2 ผู้ประกอบการธุรกิจโรงไฟฟ้าก๊าซธรรมชาติ (Temple II) ที่สามารถบันทึกรายได้จากโรงไฟฟ้า Temple II เพิ่มเข้ามาตั้งแต่วันที่ 6 ก.ค. 2566 ซึ่งเริ่มเห็นเป็นกำไรแล้ว จากปีที่ผ่านมาขาดทุนอยู่บ้าง ดังนั้นจึงส่งผลต่อในช่วงครึ่งปีหลังของปีนี้ ผลประกอบการปรับตัวดีขึ้นเมื่อเทียบกับช่วงครึ่งปีแรกของปีนี้

สำหรับโรงไฟฟ้าก๊าซธรรมชาติ Temple II ในรัฐเท็กซัสสหรัฐอเมริกา มีขนาดกําลังการผลิต 755 เมกะวัตต์ และ Temple I ขนาดกําลังการผลิต 768 เมกะวัตต์ กำลังการผลิตรวมกันทั้ง 2 โรง 1,523 เมกะวัตต์ สามารถช่วยให้บริษัทมีกระแสไฟฟ้าที่มีเสถียรภาพยิ่งขึ้น รวมทั้งมีต้นทุนทางพลังงานที่ลดลงกว่า 20%

ส่วนความคืบหน้าการนำ BKV Corporation (BKV) ซึ่งเป็นบริษัทย่อยของ BANPU ที่ดําเนินธุรกิจผลิตก๊าซธรรมชาติและธุรกิจโรงไฟฟ้าก๊าซฯในสหรัฐฯ เข้าจดทะเบียนใน New York Stock Exchange ตามแผนเดิมคือภายในปีนี้ แต่คงต้องรอให้สถานการณ์ตลาดดีกว่านี้ก่อน และเชื่อว่าจะได้รับการตอบรับที่ดีจากนักลงทุน

โดยปัจจุบัน BKV มีปริมาณการผลิตก๊าซธรรมชาติจาก 2 แหล่ง คือแหล่งก๊าซมาร์เซลลัส (Marcellus) ในรัฐเพนซิลเวเนีย ซึ่งเป็นแหล่งก๊าซธรรมชาติที่ใหญ่ที่สุดของประเทศ และแหล่งก๊าซบาร์เนตต์ (Barnett)ในรัฐเท็กซัส กำลังการผลิตรวมอยู่ที่ประมาณ 800 ล้านลูกบาศก์ฟุตเทียบเท่าต่อวัน นับว่าเป็นอันดับ 1 ในรัฐเท็กซัส และเป็นอันดับที่ 16 ในสหรัฐฯ

อย่างไรก็ตามแม้ว่าในปีนี้ แนวโน้มรายได้ของ BKV จะไม่เติบโตเท่ากับปีก่อน เนื่องจากราคาขายก๊าซเฉลี่ยลดลง จากปี 2565 อยู่ที่ประมาณ 8 เหรียญสหรัฐต่อล้านบีทียู คาดปีนี้ลดลงมาเหลือประมาณ 3.8 เหรียญสหรัฐต่อล้านบีทียู นอกจากนี้บริษัทยังอยู่ระหว่างการพิจารณาเพื่อเข้าลงทุนธุรกิจก๊าซฯ และไฟฟ้าในสหรัฐฯ เพิ่มเติมด้วยในอนาคต สอดคล้องกับกลยุทธ์ Greener &Smarter ของกลุ่มบริษัท เพื่อสร้างการเติบโตอย่างยั่งยืน