BANPU NEXTกางแผน5ปีลุยขยายธุรกิจอัพเป้าEBITDAพลังงานสะอาด

ผู้ชมทั้งหมด 1,521 

“บ้านปู เน็กซ์’ ซึ่งเป็นบริษัทย่อยของบริษัท บ้านปู จำกัด (มหาชน) หรือ BANPU ได้เร่งเครื่องเดินหน้าเต็มสูบตามแผน 5 ปีภายใต้กลยุทธ์ Greener & Smarter พร้อมดันเทคโนโลยีพลังงานสะอาดสร้าง New S-Curve ขยายการลงทุน 5 ธุรกิจ “พลังงานหมุนเวียน – แบตเตอรี่ – ซื้อขายไฟฟ้า – อีโมบิลิตี้ – พลังงานฉลาด” โดยมีเป้าหมายผลักดัน EBITDA กว่าร้อยละ 20 ในปี 2568 และจะเป็นส่วนสำคัญในการผลักดันให้ EBITDA จากธุรกิจพลังงานสะอาดและเทคโนโลยีพลังงานของบ้านปู เพิ่มขึ้นเป็นสัดส่วนมากกว่าร้อยละ 50

นายเจมส์ รามา ปัทมินทรวิภาส ผู้ช่วยประธานเจ้าหน้าที่บริหาร – กลุ่มธุรกิจเทคโนโลยีพลังงาน บริษัท บ้านปู เน็กซ์ จำกัด กล่าวว่า สำหรับแผนธุรกิจเชิงรุก 5 ปี (2564-2568) ของบ้านปู เน็กซ์ นั้นจะมุ่งเน้นขยายการลงทุนใน 5 ธุรกิจ ประกอบด้วย

1.ธุรกิจโรงไฟฟ้าพลังงานหมุนเวียน (Renewable Energy) ซึ่งปัจจุบันมีกำลังการผลิตไฟฟ้าจากพลังงานลมและพลังงานแสงอาทิตย์ขนาดใหญ่รวม 824 เมกะวัตต์ และกำลังการผลิตไฟฟ้าจากพลังงานแสงอาทิตย์บนหลังคาลานจอดรถ และโซลาร์ลอยน้ำรวม 249 เมกะวัตต์ คาดว่าสิ้นปี 64 จะมีกำลังการผลิตไฟฟ้ารวมมากกว่า 1,500 เมกะวัตต์ อย่างไรก็ตามในปี 2568 บ้านปู เน็กซ์ มีเป้าหมายที่ 1,600 เมกะวัตต์ ซึ่งต้องปรับเป้าหมายใหม่

2.ธุรกิจระบบกักเก็บพลังงาน (Energy Storage System หรือ ESS) โดยมีเป้าหมายการให้บริการ ESS ขนาด 3,000 กิกะวัตต์ชั่วโมงในปี 2568 โดยสิ้นไตรมาส 2/2564 นั้นอยู่ในระดับ 1,000 กิกะวัตต์ชั่วโมง ซึ่งการให้บริการ ESS นั้นจะเป็นการใช้งานร่วมกับระบบโซลาร์เพื่อเป็นแหล่งสำรองไฟฟ้า การใช้งานสำหรับระบบสมาร์ทกริด หรือ ระบบไมโครกริด เพื่อช่วยในการบริหารจัดการได้ไฟฟ้าให้มีประสิทธิภาพสูงสุด

3.ธุรกิจซื้อขายไฟฟ้า (Energy Trading) มีเป้าหมายเพิ่มกำลังการซื้อขายไฟฟ้าเป็น 1,000 กิกะวัตต์ชั่วโมง จากสิ้นไตรมาส 2/2564 อยู่ในระดับ 305 กิกะวัตต์ชั่วโมง โดยส่วนใหญ่อยู่ในประเทศญี่ปุ่น แต่อยู่ระหว่างการขยายการลงทุนไปในประเทศที่ออสเตรเลียในปลายปีนี้ และในประเทศสหรัฐอเมริกาในช่วงกลางปี 2565 เนื่องจากว่าประเทศเหล่านี้เป็นประเทศที่เปิดเสรีในการซื้อขายไฟฟ้า

4.ธุรกิจยานยนต์ไฟฟ้า (Electric Vehicle หรือ EV) พร้อมพัฒนาบริการธุรกิจอี-โมบิลิตี้ ให้ครบวงจรและครอบคลุมยิ่งขึ้น โดยเพิ่มจุดบริการไรด์ แชร์ริ่ง สำหรับให้บริการรถตุ๊กตุ๊กไฟฟ้ามูฟมี (Muv mi) โดยในปี 2568 เพิ่มเป็น 50,000 จุดจากสิ้นปี 2564 คาดว่าจะมีจุดบริการไรด์ แชร์ริ่ง 3,000 จุด จากปัจจุบันมีจุดบริการอยู่ 1,000 จุด

ขณะที่การให้บริการคาร์แชร์ริ่ง หรือบริการเช่ารถยนต์ไฟฟ้าผ่านแอพพลิเคชั่นฮอปคาร์นั้นมีเป้าหมายเป็น 5,000 สถานีในปี 2568 จากสิ้นปี 2564 คาดว่ามีอยู่ 500 สถานี นอกจากนี้แล้วยังมีบริการเรือยานยนต์ไฟฟ้าบ้านปูเน็กซ์ อีเฟอร์รี่ นพมัลลี เป็นอีกหนึ่งในธุรกิจยานยนต์ไฟฟ้า ปัจจุบันให้บริการเป็นเรือสำหรับท่องเที่ยวในจ.ภูเก็ต อยู่ 1 ลำและในปี 2568 มีเป้าหมายเพิ่มเป็น 100 ลำ

5.ธุรกิจพลังงานฉลาด (Smart Cities and Communities) โดยตามแผนลงทุน 5 ปีนั้นเตรียมขยายโปรเจกต์สมาร์ทซิตี้และคอมมูนิตี้เพิ่มเป็น 9 โครงการ จากปัจจุบัน 5 โครงการ อย่างไรก็ตามภายใต้ธุรกิจ Smart Cities and Communities นั้นยังมีแผนลงทุนให้บริการระบบไมโครกริด (Microgrid) บนเกาะต่างๆ ภาคใต้ของประเทศไทย ซึ่งในระยะกลางมีเป้าหมายขยายลงทุนราว 50-80 เกาะ และในระยะยาวมองว่ามีโอกาสขยายลงทุนได้ถึง 200 เกาะ จากปัจจุบันได้ดำเนินการไปแล้วที่เกาะหลีเป๊ะ นอกจากนี้ยังมีแผนขยายสู่ธุรกิจ สมาร์ท ฟาร์ม ซึ่งในขณะนี้อยู่ในระหว่างการดำเนินการ แต่จะต้องดูสถานการณ์ตลาดที่เหมาะสมด้วย จึงยังไม่สามารถระบุได้ว่าจะเปิดตัวเมื่อไหร่

ผลักดัน EBITDA พลังงานสะอาดบ้านปูเป็น50%

นายเจมส์ กล่าวเพิ่มเติมว่า การขับเคลื่อนธุรกิจของบ้านปู เน็กซ์ เพื่อให้ไปสู่เป้าหมายนั้นยังได้คำนึงถึงสิ่งแวดล้อม สังคม และบรรษัทภิบาล หรือ ESG จากกลุ่มบ้านปู เพื่อขับเคลื่อนองค์กรในทุกมิติ ผ่าน 3 กลยุทธ์หลัก 1. เน้นขับเคลื่อนธุรกิจด้วยข้อมูล (Data Driven) โดยยึดความต้องการและปัญหาของลูกค้าเป็นสำคัญ เพื่อนำไปวิเคราะห์ พัฒนา และออกแบบโซลูชันที่ตอบโจทย์การดำเนินงานและสร้างมูลค่าเพิ่มให้กับธุรกิจของลูกค้า รองรับเทรนด์การใช้พลังงานและพฤติกรรมผู้บริโภคในอนาคต ขณะเดียวกันก็สร้างความยั่งยืนให้ธุรกิจ สังคม และสิ่งแวดล้อม 

2. เดินหน้าลงทุนเชิงยุทธศาสตร์ (Strategic Investment) ศึกษาการลงทุนในธุรกิจใหม่ๆ ที่มีโอกาสการเติบโต ผนึกพันธมิตรทางธุรกิจ และสนับสนุนสตาร์ทอัพไทยที่มีความสามารถ เพื่อเสริมความแข็งแกร่งของระบบนิเวศทางธุรกิจ และสร้างการเติบโตอย่างก้าวกระโดด และ3. รุกผลักดันธุรกิจให้เติบโตในทุกโซลูชัน (2025 EBITDA Growth) เพิ่มสัดส่วนกำไรก่อนหักภาษี ดอกเบี้ย ค่าเสื่อมและค่าใช้จ่ายตัดจ่าย (EBITDA) ของกลุ่มบ้านปู เดินหน้าขยายพอร์ตลูกค้า เพิ่มกำลังการผลิตพลังงานสะอาด พัฒนาโปรดักซ์ และบริการใหม่ๆ ของธุรกิจให้ได้ตามเป้าหมาย

โดยบ้านปู เน็กซ์มีเป้าหมายการเติบโตของกำไรก่อนดอกเบี้ย ภาษี ค่าเสื่อมราคาและค่าตัดจำหน่าย (EBITDA) ในปี 2568 เป็นร้อยละ 20 และจะเป็นส่วนสำคัญในการผลักดันให้ EBITDA ธุรกิจพลังงานสะอาดและเทคโนโลยีพลังงานของบ้านปู เพิ่มขึ้นเป็นสัดส่วนมากกว่าร้อยละ 50