BGRIM ครี่งปีหลัง 65 รับแรงหนุนปรับขึ้นค่า Ft คาดผลงานฟื้นตัว

ผู้ชมทั้งหมด 390 

BGRIM มั่นใจครึ่งปีหลัง 65 ผลการดำเนินงานฟื้นตัว ได้รับปัจจัยหนุนปรับขึ้นค่า Ft เดินเครื่องจ่ายไฟฟ้าโครงการ ABP1 และ ABP2 เร่งเครื่องปิดดีล M&A 1,000 MW ในปีนี้ ชี้ปัจจุบันมืกำลังการผลิต COD แล้ว 3,379 เมกะวัตต์ และรอการพัฒนา 4,015 เมกะวัตต์ มั่นใจได้ตามเป้า 7,200 MW ในปี 2025

นางสาวศิริวงศ์ บวรบุญฤทัย รองกรรมการผู้จัดการใหญ่ สายงานการเงินและบัญชี บริษัท บี.กริม เพาเวอร์ จำกัด (มหาชน) หรือ BGRIM เปิดเผย ในงาน Opportunity Day ว่า ทิศทางผลการดำเนินงานในช่วงครึ่งปีหลัง 2565 คาดว่าจะปรับตัวดีขึ้นกว่าช่วงครึ่งปีแรก 2565 เนื่องจากโรงไฟฟ้าโครงการอมตะ บี.กริม เพาเวอร์ (ชลบุรี) 1 หรือ ABP1 และ ABP2 โครงการละ 140 เมกะวัตต์จะจ่ายไฟฟ้าเชิงพาณิชย์ (COD) ในไตรมาส 4/2565

พร้อมกันนี้ก็จะได้รับปัจจัยหนุนจากที่คณะกรรมการกำกับกิจการพลังงาน (กกพ.) ปรับค่าไฟฟ้าผันแปร (Ft) งวดเดือน ก.ย.-ธ.ค. 65 อีก 68.66 สตางค์ต่อหน่วย ตามต้นทุนเชื้อเพลิงที่เพิ่มสูงขึ้น และอัตราแลกเปลี่ยนค่าเงินบาทต่อดอลล่าร์สหรัฐที่อ่อนค่าลง ขณะที่ในไตรมาส 3/2565 คาดมีรายได้จากการขายไฟฟ้าให้ลูกค้าอุตสาหกรรมเพิ่มขึ้น อย่างไรก็ตามจากราคาก๊าซธรรมชาติเหลว (LNG) ยังทรงตัวในระดับสูงนั้นยังส่งผลกระทบต่อต้นทุนเชื้อเพลิงอยู่

ส่วนการลงทุนโครงการใหม่เพิ่มเติม บริษัทยังมองหาโอกาสซื้อกิจการ (M&A) ต่อเนื่อง เพื่อหนุนการเติบโตให้เป็นไปตามเป้าหมาย เมกะวัตต์ 7,200 เมกะวัตต์ ในปี 2025 และ 10,000 เมกะวัตต์ในปี 2030  โดยในปีนี้ 2022 ตั้งเป้าได้กำลังการผลิตไฟฟ้าเข้ามาเพิ่มเติม 1,000 เมกะวัตต์ จากปัจจุบันมีกำลังการผลิตที่เดินเครื่องผลิตไฟฟ้าแล้ว 3,379 เมกะวัตต์ และรอการพัฒนา 4,015 เมกะวัตต์

อย่างไรก็ตามในปัจจุบัน BGRIM อยู่ระหว่างดำเนินการตามแผนหลายโครงการ ไม่จะเป็นพลังงานทดแทนที่ประเทศมาเลเซีย ก็มีโอกาสขยายเพิ่มอีก 300-400 เมกะวัตต์ จากที่มีกำลังการผลิตโซลาร์ฟาร์มอยู่ราว 88 เมกะวัตต์ ขณะเดียวกันก็มีโอกาสลงทุนโรงไฟฟ้าก๊าซธรรมชาติในมาเลเซีย 200 เมกะวัตต์  และโครงการ LNG-to-Power 2-3 โครงการในเวียดนาม รวมถึงการขยายการลงทุนโซลาร์ฟาร์ม พลังงานลมในเกาหลีใต้ ลงทุนพลังงานลมในประเทศโปแลนด์ และตะวันออกกลางอยู่ระหว่างศึกษาลงทุนโซลาร์รูฟท็อป