EA มั่นใจปี 65 รายได้เติบโตดับ 20% ออเดอร์รถ EV หนุน

ผู้ชมทั้งหมด 719 

EA คาดปี 65 รายได้เติบโตในระดับ 20% รับปัจจัยหนุนจากออเดอร์รถยนต์ไฟฟ้า 500 คัน เล็งเจาะตลาดกลุ่มรถบรรทุก รถหัวลาก รถบัสโดยสาร พร้อมเตรียมออกหุ้นกู้ 900 ล้านยูโรครึ่งปีแรก ขยายโรงงานแบตเตอรี โรงงานประกอบรถ EV ขณะที่ธุรกิจโรงไฟฟ้ายังเป็นรายได้หลัก  มองโออกาสลงทุนตามแผน PDP คาดในปี 66 เริ่มเห็นการลงทุน  

นายอมร ทรัพย์ทวีกุล รองประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท พลังงานบริสุทธิ์ จำกัด (มหาชน) เปิดเผยว่า ภาพรวมผลการดำเนินในปี 2565 คาดว่าจะเติบโตดีกว่าปี 2564 อย่างมีนัยสำคัญ โดยเฉพาะรายได้คาดว่าจะเติบโตในระดับ 20% ซึ่งปัจจัยหนุนหลักๆ จะมาจากธุรกิจยานยนต์ไฟฟ้า (ธุรกิจ EV) เนื่องจากมีคำสั่งซื้อ (ออเดอร์) ในมือราว 500 คัน ส่วนใหญ่เป็นรถบัสไฟฟ้า ซึ่งทิศทางเริ่มเติบโตอย่างต่อเนื่องจากปี 2564 มีการส่งมอบรถยนต์ไฟฟ้ากว่า 120 คัน

ขณะที่โรงงานผลิตรถยนต์ไฟฟ้าของ EA นั้นสามารถรองรับกำลังการผลิตได้ 3,000 คันต่อปีต่อ 1 กะ ซึ่งในขณะนี้ก็ได้เร่งทำตลาดกลุ่มรถบรรทุก รถหัวลาก และรถบัสโดยสารปรับอากาศ ก็คาดว่าจะมีคำสั่งซื้อทยอยเข้ามาเพิ่มขึ้นเลื่อนๆ  หลังจากในปี 2564 ได้ให้ลูกค้านำไปทดลองใช้ก็ได้ผลตอบรับที่ดี ซึ่งในส่วนรถบรรทุก รถบัส รถหัวลาก นั้นมียอดจดทะเบียนใหม่ราว 1 แสนคันต่อปีก็เป็นโอกาสที่จะได้คำสั่งซื้อเข้ามาเพิ่มขึ้น โดยในอนาคตธุรกิจยานยนต์ไฟฟ้าหากได้รับการสนับสนุนตามนโยบายของรัฐบาลก็จะเป็นจัยบวกต่ออุตสาหกรรมยานยนต์ไฟฟ้าในประเทศ ซึ่งเมื่ออุตสาหกรรมยานยนต์ไฟฟ้าเติบโต EA ก็พร้อมเพิ่มการผลิตเป็น 2 กะ ดังนั้นก็จะทำให้มีกำลังการผลิตได้ถึง 6,000 คันต่อปี

อย่างไรก็ตามจากการเติบโตของธุรกิจ EV บริษัทจึงเตรียมออกและเสนอขายหุ้นกู้แปลงสภาพที่ออกใหม่ของบริษัท (หุ้นกู้แปลงสภาพ) มูลค่าการเสนอขายไม่เกิน 900 ล้านยูโร นัน คาดว่าจะดำเนินการออกหุ้นกู้ได้ภายในครึ่งปีแรก 2565 เพื่อระดมเงินสำหรับขยายการลงทุนโรงงานผลิตแบตเตอรี ขยายโรงงานผลิตยานยนต์ไฟฟ้า และลงทุนขยายสถานีชาร์จยานยนต์ไฟฟ้า

ทั้งนี้จากการเติบโตของธุรกิจ EV นั้นคาดว่าในปี 2565 จะส่งผลให้สัดส่วนรายของธุรกิจ EV จะเพิ่มขึ้นเป็น 25-30% ธุรกิจไบโอดีเซลมีสัดส่วนรายได้ 25% ส่วนธุรกิจโรงไฟฟ้ายังคงเป็นรายได้หลักในสัดส่วน 45-50% จากปี 2564 นั้นธุรกิจ EV มีสัดส่วนรายได้ประมาณ 10% ธุรกิจไฟฟ้า 60% ธุรกิจไบโอดีเซล 30%

ส่วนธุรกิจไฟฟ้านั้นปัจจุบันยังคงมีกำลังการผลิตไฟฟ้าในระดับ 664 เมกะวัตต์ ทั้งพลังงานลม และโซลาร์ฟาร์ม ซึ่งธุรกิจไฟฟ้านั้น EA ยังมองหาโอกาสขยายการลงทุนอย่างต่อเนื่อง โดยเฉพาะโอกาสลงทุนในประเทศไทย ซึ่งกระทรวงพลังงานมีแผนปรับสัดส่วนพลังงานทดแทนเพิ่มเป็น 45-50% บรรจุในแผนพัฒนากำลังการผลิตไฟฟ้าของประเทศ (PDP 2022) คาดว่าจะมีความชัดเจนในปีนี้ และเริ่มเห็นการประมูลในปี 2566 ก็จะเป็นโอกาสในการลงทุนของ EA

ขณะที่ธุรกิจไบโอดีเซลก็เติบโตดีขึ้น เนื่องจากราคาผลปาล์มดิบปรับตัวสูงขึ้นที่ระดับ 11 บาทต่อกิโลกรัม ส่งผลให้ราคาน้ำมันปาล์มดิบ (CPO) อยู่ที่ 56 บาทต่อกิโลกรัม และไบโอดีเซลบี 100 อยู่ที่ประมาณ 60 บาทต่อกิโลกรัม คาดยอดขายในปีนี้จะอยู่ที่ 200 ล้านลิตรต่อปี กำลังการผลิตที่ 7 แสนลิตรต่อวัน

ส่วนเรือไฟฟ้า  MINE Smart Ferry ที่บริการประชาชนในแม่น้ำเจ้าพระยา ขณะนี้ให้บริการรวม 27 ลำ สามารถรองรับผู้โดยสารได้ถึง 200 คนต่อลำ โดยยอมรับว่าผลกระทบจากโควิด-19 ทำให้มีผู้โดยสารเหลือเพียง 30% เมื่อเทียบกับช่วงก่อนเกิดโควิด – 19 แต่บริษัทขอยืนยันไม่ปรับค่าบริการ และกำลังออกแบบเรือให้เล็กลง เพื่อวิ่งบริการได้ถี่ขึ้น รวมทั้งมองหาเส้นทางน้ำอื่นๆไม่ว่าจะเป็นคลอง หรือทะเล เพื่อจะเปิดบริการให้มากขึ้น รองรับทั้งการโดยสารของประชาชนและนักท่องเที่ยว ยอมรับว่าจุดคุ้มทุนอาจใช้เวลานาน แต่บริษัทก็มุ่งจะลดผลกระทบสิ่งแวดล้อมใช้ไฟฟ้าทดแทนเครื่องยนต์น้ำมัน