EA ไตรมาส 3 ส่งมอบรถโดยสารไฟฟ้า 1,000 คัน ภาพรวมทั้งปีลุ้นรายได้นิวไฮ

ผู้ชมทั้งหมด 478 

EA ไตรมาส 3 ส่งมอบรถโดยสารไฟฟ้า 1,000 คัน สิ้นปีนี้เพิ่มเป็น 1,500 คัน ช่วยหนุนรายได้ทำนิวไฮ ขณะที่ปี 66 คาดมียอดสั่งผลิตกว่า 4 พันคัน พร้อมขยายตลาดผลิตรถบรรทุกไฟฟ้า ด้านธุรกิจผลิตไฟฟ้ายังเป็นธุรกิจหลักสร้างรายได้

นายอมร ทรัพย์ทวีกุล รองประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท พลังงานบริสุทธิ์ จำกัด (มหาชน) หรือ EA เปิดเผยว่า ในปี 2565 คาดว่ารายได้รวมจะเติบโตทำสถิติสูงสุดใหม่ (นิวไฮ) จากที่เคยทำไว้สูงสุดในปี 2564 ที่มีรายได้รวม 20,558 ล้านบาท เนื่องจากจะได้รับปัจจัยหนุนจากการส่งมอบรถโดยสารไฟฟ้า (EV) โดยช่วงไตรมาส 3/2565 บริษัทคาดว่าจะสามารถส่งมอบรถโดยสารไฟฟ้าประมาณ 1,000 คัน ซึ่งส่วนใหญิ่เป็นการส่งมอบให้กับบริษัท สมาร์ทบัส จำกัด (SMB) และบริษัท ไทย สมายล์ บัส จํากัด (TSB) ซึ่งเป็นบริษัทย่อยของบริษัทหลักทรัพย์ บียอนด์ จำกัด (มหาชน) หรือ BYD และคาดว่าสิ้นปีนี้จะสามารถส่งมอบรถโดยสารไฟฟ้าเพิ่มเป็น 1,500 คัน

ทั้งนี้ธุรกิจ EV ของบริษัทฯ มีแนวโน้มเติบโตแบบก้าวกระโดดในปี 2566 คาดว่าจะมียอดสั่งผลิตรถโดยสารจาก BYD รวมประมาณ 4,000 คันสำหรับส่งมอบให้ “ไทย สมายล์ บัส” ที่ได้ใบอนุญาตประกอบการขนส่งประจำทาง ด้วยรถที่ใช้ในการขนส่งผู้โดยสารในเขตกรุงเทพมหานครและจังหวัดที่มีเส้นทางต่อเนื่อง รวมจำนวน 71 เส้นทาง และส่งมอบให้กับ “สมาร์ทบัส” ผู้ให้บริการรถโดยสารประจำทางในกรุงเทพฯ และปริมณฑล ซึ่งมีสัมปทานการเดินรถรวม 37 สาย ซึ่งก็ขึ้นอยู่ปริมาณผู้โดยสารจะเพิ่มขึ้นมากน้อยแค่ไหน หากผู้โดยสารเพิ่มขึ้นก็จะทำให้มีการสั่งผลิตรถโดยสารไฟฟ้าเพิ่มขึ้น

ขณะเดียวกันบริษัทฯ ก็มองโอกาสที่จะได้รับการสั่งผลิตจากนโยบายของภาครัฐที่ส่งเสริมการใช้รถยนต์ไฟฟ้า อย่างเช่น บริษัท ขนส่ง จำกัด หรือ บขส. มีนโยบายเปลี่ยนมาใช้รถบัสไฟฟ้า ส่วนองค์การขนส่งมวลชนกรุงเทพ (ขสมก.) ก็มีโครงการจ้างเหมาบริการเดินรถโดยสารปรับอากาศที่ใช้พลังงานสะอาด พร้อมกันนี้ EA ยังมีแผนที่จะขยายตลาดผลิตรถบรรทุกไฟฟ้า เพื่อเป็นทางเลือกให้กับผู้ประกอบการรถบรรทุกอีกด้วย เพื่อสนับสนุนการเติบโตในอนาคต โดยโรงงานผลิตรถยนต์ไฟฟ้าของ EA สามารถรองรับการผลิตได้ถึง 8,000 – 9,000 คันต่อ 2 กะต่อปี

นายอมร กล่าวถึงธุรกิจผลิตไฟฟ้าว่า ในส่วนของธุรกิจผลิตไฟฟ้าจากพลังงานทดแทนยังคงเป็นธุรกิจที่สร้างรายได้หลักให้กับบริษัท โดยปัจจุบันมีกำลังการผลิตไฟฟ้ารวมอยู่ที่ 664 เมกะวัตต์ ส่วนการลงทุนใหม่ในธุรกิจผลิตไฟฟ้านั้นก็มองหาโอกาสลงทุนภายในประเทศตามแผน PDP ส่วนต่างประเทศปัจจุบันยังไม่มีแผนศึกษาเข้าไปลงทุน ส่วนธุรกิจผลิตและจำหน่ายไบโอดีเซลยังไม่มีแผนขยายกำลังการผลิตแม้ราคาจะปรับตัวเพิ่มขึ้นก็ตาม โดยยังคงผลิตในระดับ 800,000 ลิตรต่อวัน ทั้งนี้จากการเติบโตของธุรกิจ EV นั้นคาดว่าในปี 2565 จะส่งผลให้สัดส่วนรายของธุรกิจ EV จะเพิ่มขึ้นเป็น30% ธุรกิจไบโอดีเซลมีสัดส่วนรายได้ 20% ส่วนธุรกิจโรงไฟฟ้ายังคงเป็นรายได้หลักในสัดส่วน 50%