GGCชี้อีก1-2เดือนรู้ผลเนเชอร์เวิร์คส์ลงทุนไบโอคอมเพล็กซ์เฟส2

ผู้ชมทั้งหมด 934 

GGC คาดรายได้ปีนี้จะใกล้เคียงกับปีก่อน มั่นใจครึ่งปีหลัง 64 รัฐเร่งวัคฉีดโควิด เปิดประเทศหนุนความต้องการB100 ฟื้นตัว ลุ้นไตรมาส 3/64 เนเชอร์เวิร์คส์ฯตัดสินใจลงทุนนครสวรรค์ไบโอคอมเพล็กซ์เฟส2 พร้อมเล็งแตกไลน์ผลิตภัณฑ์รับเทรนด์ EV   

นายไพโรจน์ สมุทรธนานนท์ กรรมการผู้จัดการ บริษัท โกลบอลกรีนเคมิคอล จำกัด (มหาชน) หรือ GGC เปิดเผยว่า ผลการดำเนินงานในปี 2564 คาดว่าจะมีรายได้ใกล้เคียงกับปี 2563 ที่อยู่ในระดับ 18,261 ล้านบาท เนื่องจากคาดว่าความต้องการใช้ (ดีมานด์) เมทิสเอสเทอร์ หรือ ไบโอดีเซล (B100) ในช่วงครึ่งหลัง 2564 จะปรับตัวเพิ่มขึ้น หลังจากรัฐบาลได้เร่งดำเนินการฉีดวัคซีนโควิด – 19 คาดว่าจะช่วยให้สถานการณ์การแพร่ระบาดคลี่คลาย ประกอบกับรัฐบาลมีแผนจะเปิดประเทศภายใน 120 วัน ส่งให้มีการเดินทางกันมากขึ้นจะช่วยหนุนให้ยอดขาย B100 ฟื้นตัวตามความต้องการใช้น้ำมันดีเซลหมุนเร็ว (B7 B10)

ขณะเดียวกันบริษัทไม่มีแผนปิดซ่อมบำรงโรงกลั่นเพิ่มเติม หลังก่อนหน้านี้บริษัทได้มีการปิดซ่อมบำรุงหน่วยการผลิตผลิตภัณฑ์แฟตตี้แอลกอฮอล์ ส่วนราคาก็ยังคงทรงตัวอยู่ในระดับสูงที่ 34-35 บาทต่อลิตร สำหรับกำลังการผลิตในปัจจุบันมีกำลังการผลิตอยู่ในระดับ 60-70% ของขีดความสามารถในการผลิตอยู่ที่ระดับ 500,000 ตันต่อปี คาดว่าปริมาณการผลิตจะปรับตัวเพิ่มขึ้นในช่วงครึ่งปีหลัง 2564

ส่วนความคืบหน้าการก่อสร้างโครงการนครสวรรค์ไบโอคอมเพล็กซ์ หรือ NBC เฟสที่ 1 คาดดว่าจะแล้วเสร็จปลายปี 2564 แล้วเริ่มเดินเครื่องผลิตเชิงพาณิชย์ (COD) ต้นปี 2565 โดยโครงการ NBC ประกอบด้วย โรงงานหีบอ้อยกำลังการผลิต 24,000 ตันต่อวัน โรงงานผลิตเอทานอล กลังงานผลิต 600,000 ลิตรต่อวัน โรงไฟฟ้าชีวมวล ขนาดกำลังงานผลิต 85 เมกะวัตต์ และไอน้ำ 475 ตันต่อชั่วโมง

สำหรับแผนขยายลงทุนโครงการในระยะที่ 2 เป็นการลงทุนต่อยอดโครงการพลาสติกชีวภาพ (PLA) และเคมีชีวภาพ BioSuccinic Acid ซึ่งเป็นวัตถุดิบสำหรับพลาสติกชีวภาพ (PBS) ในขณะนี้บริษัท เนเชอร์เวิร์คส์ เอเชีย แปซิฟิก จำกัด กลุ่มทุนใหญ่จากสหรัฐอเมริกา อยู่ระหว่างการตัดสินใจลงทุน คาดว่าทางเนเชอร์เวิร์คส์ฯ จะสามารถตัดสินใจลงทุนขั้นสุดท้ายได้ภายใน 1-2 เดือนนี้ โดยทาง เนเชอร์เวิร์คส์ฯ คาดว่าจะใช้เงินลงทุนราว 400-500 ล้านเหรียญสหรัฐ

ทั้งนี้ในระยะแรกของการลงทุนนั้นจะให้ทางเนเชอร์เวิร์คส์ฯ เป็นผู้ลงทุนฝ่ายเดียวก่อน โดยที่ GGC จะเป็นผู้ดำเนินการเตรียมความพร้อมด้านสาธารณูปโภค โดยจะเป็นผู้จ่ายไฟฟ้าและไอน้ำ รวมถึงบริหารจัดการบำบัดน้ำเสียให้กับ เนเชอร์เวิร์คส์ฯ หลังจากนั้น GGC ถึงจะดำเนินการเจรจาร่วมลงทุนในระยะถัดไป

ขณะเดียวกันบริษัทฯ มีแผนพัฒนาผลิตภัณฑ์ B100 เพื่อแตกไลน์ไปสู่ผลิตภัณฑ์อื่นๆ ที่ไม่ใช้สำหรับเป็นส่วนผสมน้ำมันดีเซลพื้นฐาน ทั้งนี้ก็เพื่อเป็นการรองรับเทรนด์การใช้รถยนต์ไฟฟ้า (EV) ในอนาคตอีกด้วย ซึ่งยอมรับว่าการเปลี่ยนแปลงในอนาคตจะมีผลกระทบกับธุรกิจ GGC ดังนั้นจึงต้องมีการพัฒนาเทคโนโยลีการผลิตออกใหม่อย่างต่อเนื่องเพื่อรองรับการเปลี่ยนแปลง