IRPC ปลื้ม แบรนด์ “POLIMAXX” คว้าการรับรองฉลากสิ่งแวดล้อมระดับโลก UL

ผู้ชมทั้งหมด 408 

IRPC ชูแบรนด์ “POLIMAXX” ผู้ผลิตเม็ดพลาสติก PP ไทยรายแรกได้การรับรองฉลากสิ่งแวดล้อมระดับโลก UL พร้อมจัดงานเปิดตัวผลิตภัณฑ์ร่วมกับ Milliken

IRPC กับ Milliken & Company หรือ Milliken ซึ่งเป็นผู้ผลิตและจำหน่ายเคมีภัณฑ์ในอุตสาหกรรมปิโตรเคมี ที่ร่วมกันพัฒนาผลิตภัณฑ์โพลีโพรพีลีน (PP) ด้วยการผนวกสารเติมแต่ง Millad NX8000 และ Hyperform® Nucleator  เพื่อพัฒนาคุณสมบัติของเม็ดพลาสติก โดยผลิตภัณฑ์ของ IRPC ทั้ง 4 เกรด ได้ผ่านการรับรองแล้วว่ามีประสิทธิภาพในการประหยัดพลังงานในการผลิตและช่วยลดผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อม โดย Underwriter Laboratories (UL) ประเทศสหรัฐอเมริกา แสดงให้เห็นถึงความมุ่งมั่นของบริษัทฯ ในการใช้เทคโนโลยีพัฒนาผลิตภัณฑ์ โดยคำนึงถึงผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อมเป็นสำคัญ     

       

คุณวนิดา อุทัยสมนภา รองกรรมการผู้จัดการใหญ่ พาณิชยกิจและการตลาด บริษัท ไออาร์พีซี จำกัด (มหาชน) หรือ IRPC เปิดเผยว่า เป็นความภาคภูมิใจของ IRPC และตอกย้ำในวิสัยทัศน์ของบริษัทฯ “สร้างสรรค์นวัตกรรมวัสดุและพลังงานเพื่อชีวิตที่ลงตัว” โดยผลิตภัณฑ์เม็ดพลาสติก พีพี (Polypropylene) “POLIMAXX” 4 เกรด ได้แก่ K4510B, K4520UB, K4527B และ 1140VC  ได้รับการรับรองฉลากรักษ์สิ่งแวดล้อม UL Environmental Claim Validation (ECV) label จาก Underwriter Laboratories หรือ UL ห้องปฎิบัติการระดับสากล ที่ทดสอบประสิทธิภาพในการช่วยลดการใช้พลังงานในกระบวนการผลิตชิ้นส่วนพลาสติก ประหยัดพลังงานและลดการปลดปล่อยก๊าซเรือนกระจกสู่สิ่งแวดล้อม

โดยการได้รับฉลากรักษ์สิ่งแวดล้อม UL ECV label บนผลิตภัณฑ์เม็ดพลาสติก “POLIMAXX” ของ IRPC สร้างความมั่นใจให้ผู้บริโภคในการส่งมอบเม็ดพลาสติกที่ได้รับการพัฒนาบนพื้นฐานของความยั่งยืนและใส่ใจต่อสิ่งแวดล้อม ร่วมกับ บริษัท Milliken พันธมิตรที่สนับสนุนให้ IRPC สามารถสร้างมูลค่าเพิ่มให้แก่ผลิตภัณฑ์คุณภาพ เพื่อส่งต่อไปยังลูกค้า สร้างความมั่นใจให้กับผู้บริโภคในการเลือกใช้ผลิตภัณฑ์ที่มีส่วนร่วมในการรักษาสิ่งแวดล้อม โดยกลุ่มผลิตภัณฑ์ PP ทั้ง 4 เกรดนี้ เป็นผลิตภัณฑ์ชั้นนำระดับสากล สามารถตอบสนองความต้องการของผู้บริโภคที่ให้ความใส่ใจในสิ่งแวดล้อม สังคมและความยั่งยืน

นอกจากนี้ IRPC และ Milliken ยังได้ร่วมกันจัดงาน “Future Forward : Innovating for Sustainability & Energy Efficiency ณ ห้องลาดพร้าว สวีท ชั้น 2 โรงแรมเซนทาราแกรนด์ เซ็นทรัลลาดพร้าว กรุงเทพฯ โดยมีผู้เข้าร่วมงานจากภาคธุรกิจ และผู้ที่สนใจจำนวนมาก เพื่อแบ่งปันแนวทางการพัฒนาธุรกิจให้ตอบโจทย์กระแสโลก โดยมุ่งเน้น “เรื่องของความยั่งยืน การรักษาสิ่งแวดล้อม การอนุรักษ์และการใช้ทรัพยากรพลังงานอย่างรู้คุณค่า” โดย IRPC ได้แนะนำกลุ่มผลิตภัณฑ์ PP Random Copolymer ที่ใช้สารเติมแต่ง (Additive) Millad NX 8000 และกลุ่มผลิตภัณฑ์ PP Homopolymer สำหรับเกรดที่มีอัตราการไหลสูง ซึ่งใช้สารเติมแต่ง Hyperform® Nucleator จาก Milliken ที่เพิ่มประสิทธิภาพและช่วยลดการใช้พลังงานในกระบวนการผลิต ทำให้ลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจก (Greenhouse gas) ที่สอดคล้องกับเป้าหมาย Net Zero ด้วยการลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจกเป็นศูนย์ในปี 2060

สำหรับภายในงานได้จัดให้มีเวทีแลกเปลี่ยนมุมมองและแนวคิดจากจากผู้เชี่ยวชาญในทั้งในและต่างประเทศ ได้แก่ Mr. Vincent Wang South Asia Commercial Director บริษัท Milliken & Company ในหัวข้อ “Polyolefins Market Update & and Sustainability Initiative”   Ms. Anh Ho Account Manager, UL Retail & Consumer Products – Product Sustainability Services บริษัท UL VS (VietNam) Co.,Ltd.  แนะนำการใช้และประโยชน์จากการใช้ UL ECV Label ในหัวข้อ “UL Overview and Growth Opportunity with UL ECV label”     คุณคงศักดิ์ ดอกบัว ผู้ช่วยผู้อำนวยการสถาบันพลาสติก กระทรวงอุตสาหกรรม บรรยายพิเศษในหัวข้อ “Opportunities for the Packaging Industry in Thailand’s Economic Landscape”

อีกทั้ง มีการเสวนาหัวข้อ “Navigating Innovation for Sustainable Plastic Solutions” โดยได้รับเกียรติจาก คุณพรหมพร สิ้นโศรก ผู้จัดการฝ่ายอาวุโส ธุรกิจปิโตรเคมีพิเศษ บริษัท ไออาร์พีซี จำกัด (มหาชน) และ Dr. Zina Zhu, Asia Senior Market Manager บริษัท Milliken & Company ที่กล่าวถึงความร่วมมือระหว่างกันในการพัฒนาเม็ดพลาสติก PP อาทิ เกรดที่ให้ความใสมากขึ้นโดยไม่เติมสาร Optical Brightener (OB) เพื่อความปลอดภัยกับการนำไปใช้สัมผัสอาหาร หรือเกรดที่มีคุณสมบัติอัตราการแปรรูปสูง ทำให้การใช้พลังงานในการผลิตลดลง เป็นต้น

การได้รับรองการใช้ฉลากรักษ์สิ่งแวดล้อม UL ECV label นี้ นับเป็นการตอกย้ำถึงความมุ่งมั่นของ IRPC ในการเชื่อมโยง Value chain ที่เกิดจากความร่วมมือกับพันธมิตรและสร้างคุณค่าเพื่อการเติบโตที่ยั่งยืน รวมถึงเพิ่มการแข่งขันของผู้ประกอบการไทยสู่ตลาดสากล