IRPC ลุยลงทุนตามแผน 5 ปี มูลค่ากว่า 4.1 หมื่นลบ.ยกประสิทธิภาพกลั่นน้ำมันสู่ยูโร 5

ผู้ชมทั้งหมด 1,084 

IRPC ลุยลงทุนตามแผน 5 ปี มูลค่ากว่า 4.1 หมื่นล้านบาท ปรับปรุงโรงกลั่นสู่มาตรฐาน ยูโร 5 คาดเปิดดำเนินการเชิงพาณิชย์ไตรมาส1 ปี67 ยกประสิทธิภาพองค์กร พร้อมจับมือพันธมิตรไทย-ต่างชาติ สร้างโอกาสทางธุรกิจต่อเนื่อง ขณะที่ไตรมาส 4 ปี 2564 กำไร 14,505 ล้านบาท พร้อมพิจารณาจ่ายปันผล 0.22 บาทต่อหุ้น

นายชวลิต ทิพพาวนิช ประธานเจ้าหน้าที่บริหารและกรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัท ไออาร์พีซี จำกัด (มหาชน) หรือ IRPC เปิดเผยว่า บริษัทฯ ได้มีแผนการลงทุน 5 ปี (2565-2569) เพื่อสร้างการเติบโตตามวิสัยทัศน์ใหม่ วงเงินรวม 41,350 ล้านบาทในโครงการลงทุนที่สำคัญ ได้แก่ โครงการปรับปรุงประสิทธิภาพโรงกลั่นและปรับปรุงคุณภาพน้ำมันดีเซลตามมาตรฐานยูโร5 (Ultra Clean Fuel Project: UCF) ปัจจุบันโครงการอยู่ในขั้นตอนการก่อสร้างโรงงาน โดยจะสามารถผลิตเชิงพาณิชย์ได้ภายในไตรมาส 1 ปี 2567 โครงการ Strengthen IRPC เพื่อยกระดับประสิทธิภาพในการดำเนินงานสร้างความแข็งแกร่งให้กับองค์กร  โครงการลงทุนทั่วไปและค่าใช้จ่ายซ่อมบำรุงโรงงาน และอื่นๆ ซึ่งบริษัทฯ มีแผนสร้างสัดส่วนรายได้จากธุรกิจใหม่เพิ่มมากขึ้น และเสริมจุดแข็งเพื่อสร้างความแข็งแกร่งในฐานธุรกิจปัจจุบัน เปรียบเสมือนแม่น้ำ 2 สาย (River of 2 streams) ที่บริษัทฯ อยู่ในช่วงเปลี่ยนแปลงเพื่อก้าวไปสู่การลงทุนในธุรกิจใหม่ๆ (Transition to the New Horizons) ต่อไป     

อีกทั้ง บริษัทฯ ยังคงมุ่งเน้นการร่วมมือกับคู่ค้า ลูกค้าและพันธมิตรทางธุรกิจทั้งในประเทศและต่างประเทศ ตลอดจนการบริหารงานอย่างมีธรรมาภิบาล ให้คุณค่าของการคำนึงถึงสิ่งแวดล้อม สังคม ชุมชน และความคาดหวังของผู้มีส่วนได้เสียทุกภาคส่วนอย่างเหมาะสมและเป็นธรรม

สำหรับผลการดำเนินงานในไตรมาส 4/2564 บริษัทฯ มีรายได้จากการขายสุทธิ 67,840 ล้านบาท เพิ่มขึ้นร้อยละ 9 เมื่อเทียบกับไตรมาสก่อน ส่วนใหญ่จากราคาขายเฉลี่ยเพิ่มขึ้นร้อยละ 9 ตามราคาน้ำมันดิบที่ปรับตัวเพิ่มขึ้น โดยโรงกลั่นน้ำมันมีอัตราการกลั่นอยู่ที่ 198,000 บาร์เรลต่อวัน เพิ่มขึ้นร้อยละ 4 และบริษัทฯ มี Market GIM อยู่ที่ 6,680 ล้านบาท (10.92 เหรียญสหรัฐฯ ต่อบาร์เรล) ลดลงร้อยละ 7

รวมถึง ในไตรมาส 4/2564 บริษัทฯ มีกำไรจากสต๊อกน้ำมันสุทธิรวม 267 ล้านบาท ลดลง 2,061 ล้านบาท จากไตรมาสก่อนส่งผลให้บริษัทฯ มี EBITDA 3,094 ล้านบาท ลดลงร้อยละ 50 ขณะที่มีกำไรจากการทำสัญญาอนุพันธ์ทางการเงิน 107 ล้านบาท กำไรจากอัตราแลกเปลี่ยนของเงินกู้สกุลเงินเหรียญสหรัฐฯ 70 ล้านบาท และกำไรจากการบริหารความเสี่ยงน้ำมันที่ยังไม่เกิดขึ้นจริง 1,526 ล้านบาท ส่งผลให้ผลการดำเนินงานในไตรมาส 4/2564 มีกำไรสุทธิ 2,194 ล้านบาท เพิ่มขึ้นร้อยละ 2 จากไตรมาสก่อน

อย่างไรก็ตาม ผลการดำเนินงานปี 2564 เทียบกับปี 2563 บริษัทฯ มีรายได้จากการขายสุทธิ จำนวน 235,174 ล้านบาทเพิ่มขึ้นร้อยละ 54 เมื่อเทียบกับปีก่อน ส่วนใหญ่เนื่องจากราคาขายเฉลี่ยเพิ่มขึ้นร้อยละ 55 ตามราคาน้ำมันดิบที่ปรับตัวเพิ่มขึ้น โดยโรงกลั่นน้ำมันมีอัตราการกลั่นอยู่ที่ 192,000 บาร์เรลต่อวัน เทียบเท่ากับปี 2563 และบริษัทฯ มีกำไรขั้นต้นจากการผลิตตามราคาตลาด (Market GIM) อยู่ที่ 29,588 ล้านบาท (13.12 เหรียญสหรัฐฯ ต่อบาร์เรล) เพิ่มขึ้นร้อยละ 52 เนื่องจากส่วนต่างราคาผลิตภัณฑ์ทั้งปิโตรเลียมและปิโตรเคมีปรับตัวเพิ่มขึ้น หลังจากสถานการณ์การแพร่ระบาดของ COVID-19 เริ่มคลี่คลายมากขึ้น จากการที่ประชากรทั่วโลกได้รับการฉีดวัคซีนมากขึ้น และหลายประเทศเริ่มมีการผ่อนคลายมาตรการLockdown นอกจากนี้บริษัทฯ มีกำไรจากสต๊อกน้ำมันสุทธิรวม 11,104 ล้านบาท ส่งผลให้บริษัทฯ มี EBITDA 26,961 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 22,269 ล้านบาท หรือเพิ่มขึ้นร้อยละ 475 และมีกำไรสุทธิ 14,505 ล้านบาท เทียบกับ ปีก่อนที่มีผลขาดทุนสุทธิ6,152 ล้านบาท

นอกจากนี้ คณะกรรมการบริษัทฯ ได้อนุมัติเสนอการจ่ายเงินปันผลสำหรับผลการดำเนินงานปี 2564 ในอัตราหุ้นละ 0.22 บาท ซึ่งบริษัทฯ ได้จ่ายเงินปันผลระหว่างกาลไปแล้วในอัตราหุ้นละ 0.08 บาท เมื่อวันที่ 23 กันยายน 2564 ดังนั้น คงเหลือเงินปันผลที่จะจ่ายอีกในอัตราหุ้นละ 0.14 บาท โดยจะเสนอที่ประชุมสามัญผู้ถือหุ้นประจำปี 2565 เพื่อพิจารณาอนุมัติต่อไ