PTT คาด สิ้นปีนี้ธุรกิจEV เริ่มทยอยรับรู้รายได้

ผู้ชมทั้งหมด 640 

ปตท. คาดครึ่งปีหลังผลการดำเนินงานดีขึ้นตามทิศทางเศรษฐกิจและท่องเที่ยวฟื้นตัว ต้นทุนราคาก๊าซฯ ถูกลง หนุนมาร์จิ้นธุรกิจโรงแยกก๊าซฯและธุรกิจไฟฟ้า จ่อขายรถมอเตอร์ไซค์ไฟฟ้า ในปีนี้ พร้อมทยอยรับรู้รายได้ธุรกิจEV ตั้งแต่ปลายปีนี้

นายธนพล ประภาพันธ์ ผู้จัดการฝ่ายผู้ลงทุนสัมพันธ์ บริษัท ปตท.จำกัด (มหาชน) หรือ PTT เปิดเผยในงาน Oppday Q2/2023 PTT เมื่อวันที่ 28 ส.ค.2566 โดยระบุว่า ปตท.ประเมินแนวโน้มการลงทุนในช่วงที่เหลือของปีนี้ ซึ่งจากข้อมูลคาดการณ์ของ IMF พบว่า GDP โลกจะเติบโต 3% ลดลงจากปีก่อน ส่วนGDP ของไทย มองว่า จะโต 3.4% โดตต่อเนื่องจากปีก่อน มีแรงหนุนภาคการท่องเที่ยว และภาคการบริโภคของเอกชนที่ฟื้นตัวต่อเนื่อง รวมถึงอัตราเงินเฟ้อชะลอตัวลงกลับเข้าสู่กรอบเป้าหมายที่ธนาคารแห่งประเทศไทย(ธปท.)คาดการณ์ไว้ อย่างไรก็ดีการส่งออกสินค้าชะลอตัวลงตามดีมานด์ทั่วโลกที่ยังอ่อนแอและสถานการณ์การเมืองที่ยังรอการจัดตั้งรัฐบาล รวมถึงการเพิ่มอัตราดอกเบี้ยของธปท. และหนี้ครัวเรือนที่ยังอยู่ในระดับสูง กดดันต่อภาคการบริโภค

สำหรับทิศทางราคาปิโตรเลียม ในส่วนของราคาก๊าซฯ Spot LNG คาดว่าจะลดลง อยู่ที่ 12-17 ดอลลาร์ต่อล้านบีทียู เนื่องจากปริมาณสำรองก๊าซฯอยู่ในระดับสูง ซึ่งราคาก๊าซฯที่ลดลงจะเป็นผลดีต่อประเทศ และปตท.ทำให้ราคา Pool GAS ลดลง ส่วนราคาน้ำมันดิบดูไบ คาดว่า ลดลงเฉลี่ยอยู่ที่ 78-83  ดอลลาร์ต่อบาร์เรล ขณะที่ ค่าการกลั่นสิงคโปร์ GRM ปีนี้ คาดว่าจะอยู่ที่ 6-7 ดอลลาร์ต่อบาร์เรล ลดลงจากปีก่อน ที่อยู่ในระดับ 10-17 ดอลลาร์ต่อบาร์เรล ส่วนทิศทางราคาปิโตรเคมีในปีนี้ คาดว่าจะปรับตัวลดลงเมื่อเทียบกับปีก่อน จากกดีมานด์ที่ซบเซา และดีมานด์ใหม่ที่เข้าสู่ตลาด

ขณะที่ทิศทางธุรกิจในส่วนของ E&P ปีนี้ คาดว่า ปริมาณการขายในปีนี้จะปรับตัวลดลงจากปีก่อน จากโครงการในต่างประเทศและราคาขายเฉลี่ยที่ปรับลดลงตามคาดการณ์ราคาน้ำมันดิบที่ปรับลดลง อย่างไรก็ดี ปตท.สผ.ยังสามารถรักษาต้นทุนต่อหน่วยให้อยู่ในระดับที่แข่งขันได้

ด้านธุรกิจก๊าซฯของ ปตท. คาดว่า ความต้องการใช้ก๊าซฯจะเติบโตสูงขึ้น จากภาคไฟฟ้า ที่เติบโตตามทิศทางเศรษฐกิจ การท่องเที่ยวฟื้นตัว ขณะที่ก๊าซฯอ่าวไทย ผลิตได้เพิ่มขึ้น ส่งผลดีต่อโรงแยกก๊าซฯ ส่งผลให้ต้นทุน Pool GAS ลดลงตาม Spot LNG ตลาดโลกที่ลดลง ทำให้มาร์จิ้นเพิ่มขึ้น ส่วนธุรกิจน้ำมัน คาดว่าจะฟื้นตัวตามทิศทางเศรษฐกิจ ธุรกิจไฟฟ้า คาดว่า ดีมานด์ในประเทศฟื้นตัวตามกิจกรรมทางเศรษฐกิจ ขณะที่มาร์จิ้นมีแนวโน้มดีขึ้นตามต้นทุนการผลิตที่ลดลง

ด้านธุรกิจใหม่ เติบโตต่อเนื่องทั้งการลงทุนพลังงานหมุนเวียนผ่าน GPSC และการลงทุนธุรกิจ EV value chain และธุรกิจ Beyond คาดว่าจะมีผลการดำเนินงานที่ดีขึ้นจากการรับรู้กำไรของ Lotus Pharmaceutical เต็มปีในปีนี้ และโครงการต่างๆที่ทยอย COD รวมถึงผลิตภัณฑ์ต่างๆที่ทยอยออกสู่ตลาดในปีนี้

สำหรับความคืบหน้าโครงการลงทุน ในปีนี้ โครงการก่อสร้างท่อส่งก๊าซฯฯเส้นที่ 5 เฟส 2 จะ COD ในปีนี้ ,โรงแยกก๊าซฯ แห่งที่ 7 จะ COD ไตรมาส1 ปี67,โครงการ Ole 2 Modification ของ GC จะ COD ไตรมาส3 ปีนี้ ด้านธุรกิจใหม่ ในส่วนของการจัดตั้งโรงงานผลิตโปรตีนจากพืช (Plant-based) กำลังผลิต 3,000 ตัน คาดว่าจะ COD ไตรมาส3 ปีนี้ ,โครงการจัดตั้งโรงงานแพลตฟอร์มผลิตรถEV กำลังการผลิต 50,000 คันต่อปี คาดว่าจะ COD ในปีนหน้า ,ส่วนแบตเตอรี่ของนูออโว พลัส ขนาด 4 กิกกะวัตต์ จะ COD ปลายปีนี้ และแบตเตอรี่ลิเธียมไอออนแบบ Cell-To-Pack (CTP) ในประเทศไทย กำลังผลิต 6 กิกกะวัตต์จะ CODในปีหน้า ด้านโครงการพลังงานหมุนเวียน ในส่วนของโซลาร์จะทยอย COD ตามแผนงานเสร็จ 6.7 กิกกะวัตต์ในปี 2568 ส่วนพลังงานลม ที่ไต้หวัน กำลังการผลิต 595 เมกะวัตต์ จะCOD ไตรมาส 1 ปีหน้า ขณะเดียวกันมีแผนปิดซ่อมบำรุงโรงแยกก๊าซฯปีนี้ พร้อมกับโรงงานปิโตรเคมี

นายธนพล กล่าวอีกว่า ความคืบหน้าธุรกิจรถไฟฟ้า 2 ล้อ ขณะนี้อยู่ระหว่างร่วมมือกับบริษัท Kwang Yang Motor Co., Ltd. (KYMCO) เพื่อจัดตั้งบริษัทร่วมทุน เอไอออเนกซ์ จำกัด (Aionex) หลังจากนั้นจะเริ่มนำเข้าอุปกรณ์มาประกอบรถในประเทศและทำการขายในประเทศไทย คาดว่า ปีนี้ยอดขายคงไม่มากนัก และปีหน้าจะรับรู้รายได้จากยอดขายเต็มปีเพิ่มขึ้น

“ธุรกิจEV ปีนี้ ก็ยังเป็นการลงทุนอยู่ จะสร้างรายได้กลับเข้ามาต้องรอโรงงาน COD ก่อน แต่โครงการจะเริ่มทยอยเห็นรายได้เข้ามา เช่น ปีนี้ โรงงานแบตเตอรี่ ที่จะCODปีนี้ ปีหน้าจะเริ่มมีรถEV 4 ล้อเข้ามา และปีนี้จะมีรถEV 2 ล้อจัดจำหน่ายก็จะเริ่มรับรู้รายได้สิ้นปีนี้เป็นต้นไป”

ส่วนธุรกิจยา ในการศึกษาผลิตนวัตกรรม ‘มณีแดง’ ต้านเซลล์ชรา นั้น ได้มีการทดลองกับหนูไปแล้ว และได้เริ่มทดลองกับลิง จากนั้นจะทดลองกับคน คาดว่าจะใช้เวลา 1-4 ปี ถ้าผลการศึกษาเป็นไปได้ดีจะลงทุนจัดตั้งโรงงานในประเทศไทยต่อไป