PTTGC เล็งสรุปเลือกพันธมิตรลุยปิโตรคอมเพล็กซ์ในสหรัฐช่วงต้นปี66  

ผู้ชมทั้งหมด 663 

“พีทีที โกลบอล เคมิคอล” คาดรายได้ครึ่งปีหลังใกล้เคียงครึ่งปีแรก หลังปิดความเสี่ยงอัตราแลกเปลี่ยน-ราคาน้ำมันอ่อนตัว ชี้มาร์จินโรงกลั่นฯยังอยู่ในเกณฑ์ดี ธุรกิจอะโรเมติกส์รับช่วงไฮซีซั่นไตรมาส 4 ขณะที่ราคาเม็ดพลาสติกทรงตัวที่ระดับ 1,200 ดอลลาร์ต่อตัน จ่อสรุปเลือกพันธมิตรร่วมทุนโครงการปิโตรคอมเพล็กซ์ในสหรัฐช่วงต้นปี 66 เล็งโอกาสออกหุ้นกู้ สกุลดอลลาร์ ราว 1,000 ล้านดอลลาร์ทดแทนช่วงเดือน ก.ย.ปีนี้

นายจิตศักดิ์ สุนทรพันธ์ ผู้จัดการฝ่ายหน่วยงานการเงินองค์กรและนักลงทุนสัมพันธุ์ บริษัท พีทีที โกลบอล เคมิคอล จำกัด (มหาชน) PTTGC เปิดเผย ในงาน Oppday Q2/2022 บริษัท พีทีที โกลบอล เคมิคอล จำกัด (มหาชน) PTTGC เมื่อวันที่ 19 ส.ค.2565 โดยระบุถึงกรณีผลกระทบจากปัญหารัฐเซียและยูเครนว่า บริษัทประเมินว่า สถานการณ์จะยังมีต่อเนื่องตั้งแต่ช่วงต้นปีที่ผ่านมา และได้เตรียมทางเลือกต่างๆ เพื่อสร้างความมั่นใจว่าธุรกิจจะดำเนินการได้ตามปกติและมีความสามารถในการทำธุรกิจโดยไม่ติดขัด โดยบริษัทเองได้ดำเนินธุรกิจในลักษณะกระจายความเสี่ยงไปทั่วโลกอยู่แล้ว ซึ่งรายได้จากการดำเนินธุรกิจราว 50% อยู่ในประเทศไทย และอีกราว 50% กระจายอยู่ทั่วโลก หรือหลักๆจะโฟกัสอยู่ในประเทศแถบเอเชียเป็นหลัก โดยเฉพาะCLMV (กัมพูชา,ลาว,เมียนมา และเวียดนาม) ก็เป็นประเทศที่มีอัตราการเติบโตค่อยข้างสูงเมื่อเทียบกับประเทศในเอเชียอื่นๆ ซึ่งประเทศอื่นๆในเอเชีย ก็อาจมีบ้าง เช่น อินเดีย ที่อาจไปบุกตลาดในบางส่วนแต่ยังไม่มากนัก ในส่วนของจีน ก็ถือเป็นอีกตลาดหลัก หรือคิดเป็น 10%ของยอดขาย ที่เหลืออีกประมาณ 10% ก็เป็นทางยุโรปและสหรัฐเป็นหลักซึ่งก็จะเป็นทั้งที่ส่งออกและธุรกิจของ Allnex ที่ทางบริษัทเพิ่งเข้าซื้อกิจการมา ซึ่ง Allnex ก็เป็นบริษัทที่มีการดำเนินการกว่า 30 ประเทศทั่วโลกที่ดำเนินการทั้งเอเชีย ยุโรป และสหรัฐ ก็จะช่วยกระจายความเสี่ยงได้ระดับหนึ่ง

ส่วนการเตรียมพร้อมของบริษัทเองในมาตรการอื่นๆ ก็มีการเตรียมเรื่องของค่าใช้จ่ายในการลงทุน(Capex) ก็มีแผนลดรายจ่ายที่ไม่จำเป็น โดยการลงทุนในโครงการหลักได้เสร็จสิ้นไปเกือบหมดแล้ว เหลือเพียงไม่กี่โครงการ เช่น การก่อสร้างโครงงานรีไซเคิล ที่จะแล้วเสร็จในปีนี้ และโครงการร่วมทุนกับบริษัท คุราเร่ จีซี แอดวานซ์ แมททีเรียลส์ จำกัด เพื่อดำเนินการผลิตและจำหน่ายผลิตภัณฑ์พลาสติกวิศวกรรมชั้นสูงประเภท High Heat Resistant Polyamide-9T (PA9T) กำลังการผลิตที่ 13,000 ตันต่อปี และ Hydrogenated Styrenic Block Copolymer (HSBC) กำลังการผลิตที่ 16,000 ตันต่อปี คาดว่าเริ่มดำเนินการเชิงพาณิชย์ได้ปลายไตรมาส 4ปี 2565 โดยเงินลงทุนในปีนี้ก็ใช้จ่ายไปเกือบหมดแล้ว ก็จะเหลืออีกไม่มากในปีนี้  ฉะนั้นส่วนที่ตัดได้จะเป็นโครงการอื่นๆ เช่น IT ก็จะพิจารณาตามความเหมาะสม โดยอาจจะเลื่อนการลงทุนจากปีนี้ออกไปเป็นปีถัดไปแทน แต่จะไม่ส่งผลกระทบต่อความสามารถทางการแข่งขันของบริษัท

รวมถึง มาตรการทางการเงิน จะเห็นว่าช่วงที่ผ่านมาบริษัทได้ออกหุ้นกู้ สกุลเงินบาท และดอลลาร์ฯ ตั้งแต่ช่วงต้นปีที่ผ่านมา ทำให้มีอัตราดอกเบี้ยคงที่ราว 70% ฉะนั้นในช่วงที่ผ่านมาที่อัตราดอกเบี้ยมีแนวโน้มเพิ่มขึ้นก็ทำให้บริษัทลดต้นทุนทางการเงินได้ดี

ส่วนผลกระทบต่อเศรษฐกิจโดยรวมนั้น หากแยกธุรกิจหลักๆ โดยในส่วนของธุรกิจโรงกลั่นน้ำมัน คาดว่า ในช่วงครึ่งปีหลัง แนวโน้มธุรกิจยังดีมาร์จินโรงกลั่นดี แต่อาจอ่อนตัวลงบางจากครึ่งปีแรก ซึ่งเป็นไปตามสถานการณ์โดยรวมและราคาน้ำมันที่ปรับลดลงมา ส่วนตัวอะโรเมติกส์ ยังต้องจับตาดู ซึ่งช่วงครึ่งปีหลังจะเป็นช่วงไฮซีซั่น โดยเฉพาะไตรมาส4 ปกติจะมีความต้องการผลิตสินค้าเพื่อขายในช่วงสิ้นปี ประกอบกับ โรงงานอะโรเมติกส์หลายโรงมีแผนหยุดการผลิตเพื่อจะไปผลิต ผลิตภัณฑ์ชนิดอื่นแทนก็อาจทำให้ปริมาณอะโรเมติกส์ลดลงไปได้ แต่ก็ต้องจับตาอยู่อย่างใกล้ชิด

เช่นเดียวกับธุรกิจโอเลฟินส์ แม้ว่าช่วงที่ผ่านมาดีมานด์ยังมีต่อเนื่องจากความต้องการใช้ในชีวิตประจำวันและการแพร่ระบาดของโควิด-19 ที่ยังมีอยู่จะทำให้เกิดความต้องการใช้ต่อ แต่ยังต้องดูภาพรวมของราคาน้ำมันที่สูงขึ้น และความไม่แน่นอนต่างๆ อาจทำให้ความต้องการสินค้าเพื่อปรับเปลี่ยนสต็อกลดลงและราคาสินค้าอาจอ่อนตัวลงไปได้ ซึ่งปัจจุบันได้เห็นผลสะท้อนด้านราคาแล้ว จากครึ่งปีแรกอยู่ที่ 1,400-1,600 ดอลลาร์ต่อตัน แต่ปัจจุบันอยู่ที่ 1,200 ดอลลาร์ต่อตัน ฉะนั้น ส่วนต่างราคาเม็ดพลาสติก PE กับ แนฟทาก็น่าจะอยู่ในระดับนี้

“ส่วนแนวโน้มรายได้ของบริษัทในช่วงครึ่งปีหลัง คาดว่าจะรักษาโมเมนตัมการเติบโตได้จากช่วงครึ่งปีแรก จากระดับราคาสินค้าที่บริหารจัดการได้ตามระดับราคาน้ำมัน แต่ในช่วงครึ่งปีหลังจะมีการปิดซ่อมบำรุงโรงกลั่นน้ำมัน ก็อาจทำให้รายได้ลดลงไปบ้าง ซึ่งในส่วนของผลประกอบการครึ่งปีแรก จะเห็นว่ามีผลกระทบการขาดทุนอัตราแลกเปลี่ยนและการป้องกันความเสี่ยงราคาน้ำมัน แต่คาดว่าช่วงครึ่งปีหลังผลกระทบจากส่วนนี้จะมีน้อยลง เนื่องจากมีราคาน้ำมันมีแนวโน้มปรับลดลงตั้งแต่ไตรมาส 2 จนถึงปัจจุบัน”

สำหรับความคืบหน้าโครงการปิโตรคอมเพล็กซ์ในสหรัฐ ก็ยังเป็นโครงการที่อยู่ระหว่างการศึกษาและหาพันธมิตรร่วมลงทุน คาดว่าจะใช้เวลาพิจารณาไปจนถึงต้นปีหน้า อีกทั้งในสหรัฐยังมีโอกาสในการลงทุนหลายโครงการ เช่น โครงการรีไซเคิล ที่บริษัทเล็งหาพันธมิตรในสหรัฐเพื่อลงทุนเพิ่มเติม

ส่วนแนวโน้มการออกหุ้นกู้สกุลดอลลาร์เพิ่มเติมนั้น บริษัท อยู่ระหว่างพิจารณาสภาพตลาดร่วมด้วย ซึ่งในปัจจุบันอัตราดอกเบี้ยมีในขาขึ้น การพิจารณาต้นทุนก็เป็นช่วงที่ต้องรอดูในสถานการณ์นิ่งก่อน แต่โอกาสในอนาคตก็อาจจะมีหากอัตราดอกเบี้ยมีแนวโน้มปรับลดลง โดยเฉพาะในส่วนของหุ้นกู้สกุลดอลลาร์ บริษัทยังมีวงเงินราว 1,000 ล้านดอลลาร์ที่จะหมดอายุในเดือนก.ย.ปีนี้ ก็เป็นโอกาสในอนาคตที่อาจจะพิจารณาได้ แต่ทั้งนี้ บริษัทจะพิจารณาหลายปัจจัยควบคู่กันไปทั้งในแง่ความจำเป็นในการใช้เงิน การลดต้นทุนการเงินในเหมาะสมและเป็นประโยชน์ที่สุดต่อบริษัท