SUSCOปี64ทุ่ม550ล.ขยายปั๊ม-วางเป้ายอดขายโต20%

ผู้ชมทั้งหมด 820 

SUSCO ปี 64 อัดงบลงทุน 550 ล้านบาท ลุยขยายและปรับปรุงปั๊มน้ำมัน ขยายธุรกิจ Non-Oil พร้อมตั้งเป้ายอดขายเติบโตกว่า 20% คาดราคาน้ำมันเฉลี่ยในระดับ 65-70 เหรียญสหรัฐฯ หวังวัคซีนช่วยลดแพร่ระบาดโควิดได้ผล พร้อมเปิดบริการให้ลูกค้าสามารถชำระค่าน้ำมันแบบไร้การสัมผัส ผ่านช่องทาง E-payment

นายชัยฤทธิ์ สิมะโรจน์ กรรมการผู้จัดการ บริษัท ซัสโก้ จำกัด (มหาชน) หรือ SUSCO เปิดเผยว่า แนวทางในการดำเนินธุรกิจในปี 2564 บริษัทฯ เตรียมงบลงทุนไว้ราว 550 ล้านบาท เพื่อใช้สำหรับลงทุนขยายสถานีบริการน้ำมัน (ปั๊ม) จำนวน 20 แห่ง จากปัจจุบันมีอยู่ 240 แห่ง โดยจะเน้นพื้นที่ภายในกรุงเทพฯ และปริมณฑลเป็นหลัก รวมทั้งจะมีการปรับปรุงภาพลักษณ์ของสถานีเดิมอีก 50 แห่ง ภายใต้สโลแกนใหม่ “Fuel Your Day เติมพลังให้วันของคุณ” พร้อมกันนี้ยังใช้สำหรับลงทุนในธุรกิจที่ไม่เกี่ยวกับน้ำมัน (Non-Oil) ไม่ว่าจะเป็นการขยายร้านสะดวกซื้อ Lawson108 อีก 10 สาขา ในปีนี้ จากปัจจุบันอยู่ที่ 38 สาขา

พร้อมกันนี้ในปี 64 บริษัทฯ ตั้งเป้ายอดขายน้ำมันเติบโตในระดับ 20% ขณะที่รายได้ก็คาดว่าจะเติบโตสอดคล้องกับยอดขายน้ำมันที่เติบโตตามการขยายสถานีบริการน้ำมันและราคาน้ำมันดิบปรับตัวเพิ่มขึ้น โดยปัจจุบันราคาน้ำมันดิบอยู่ในระดับ 55 เหรียญสหรัฐต่อบาร์เรล เฉลี่ยทั้งปี 64 คาดว่าจะอยู่ในระดับ 65 – 70 เหรียญสหรัฐ เนื่องจากกลุ่มประเทศผู้ส่งออกน้ำมัน (โอเปก) และชาติพันธมิตร หรือ โอเปกพลัสได้ร่วมมือกันด้วยดีในการปรับลดกำลังการผลิตน้ำมัน  

ขณะเดียวกันการที่หลายประเทศเริ่มมีการฉีดวัคซีนป้องกันไวรัสโควิด-19 ก็หวังว่าวัคซีนจะช่วยให้การจำกัดการเดินทางผ่อนผันมากขึ้น ซึ่งจะส่งผลให้มีความต้องการใช้น้ำมันปรับตัวเพิ่มขึ้นช่วยหนุนให้ราคาน้ำมันดิบในตลาดโลกเพิ่มขึ้นด้วย อย่างไรก็ตามต้องประเมินสถานการณ์แพร่ ระบาดของไวรัสโควิด-19 รอบใหม่ก่อนว่าจะส่งผลกระทบมากน้อยแค่ไหน ขณะที่กำไรในแต่ละปีบริษัทฯก็จะพยายามรักษาการเติบโตให้อยู่ในระดับ 10%

นอกจากนี้บริษัทฯจะเพิ่มความสำคัญต่อธุรกิจ Non-Oil มากขึ้น เพื่อเสริมความแข็งแกร่งให้กับสถานีบริการให้ครบวงจร โดยได้มีแผนการเพิ่มร้านสะดวกซื้อ Lawson 108 เพิ่มร้านกาแฟ Starbucks และ ดิโอโร่ รวมไปถึงเพิ่มพันธมิตรร้านอาหาร และร้านฟาสต์ฟูดเพิ่มขึ้น เช่น KFC, Subway และร้านอาหารประเภทข้าวแกงอีกหลายแห่ง

ปัจจุบัน SUSCO เปิดให้บริการร้านสะดวกซื้อ Lawson 108  ในสถานีบริการน้ำมัน จำนวน 38 สาขา คาดว่าจะเพิ่มอีก จำนวน 10  สาขาภายในปีนี้  ส่วนร้านกาแฟ Starbucks มีจำนวน 1 สาขา ตั้งอยู่ในสถานีบริการน้ำมันซัสโก้ สาขาราชพฤกษ์  โดยปีนี้ มีแผนจะเปิดเพิ่มอีก 2 สาขา ได้แก่ สาขาหลานหลวง และสาขาศรีนครินทร์3  ในส่วนของ ร้านอาหารฟาสต์ฟูด KFC  DRIVE- THRU มีจำนวน 1 สาขา ที่สถานีบริการน้ำมันซัสโก้ สาขาประชาอุทิศ1 เขตทุ่งครุ กรุงเทพฯ และมีแผนจะเปิดเพิ่มอีก จำนวน 4- 5 สาขาภายในปีนี้เช่นกัน

ด้านการส่งเสริมการตลาดบริษัทฯ ตั้งเป้าเพิ่มจำนวนสมาชิก SUSCO Smart Member ที่ปัจจุบันมีสมาชิก 1.4 ล้านราย ให้เพิ่มขึ้นเป็น 2 ล้านราย ภายในปี 2564 พร้อมมีการปรับเปลี่ยนมาใช้ช่องทาง Line OA @SUSCO เพื่อความสะดวกในการใช้งานของผู้บริโภค ซึ่งมุ่งเน้นการดูแลลูกค้าสมาชิก ด้วยการเพิ่มมูลค่า (Privilege) ต่างๆ ทั้งจากคู่ค้าในสถานีบริการ อาทิ Lawson108 รวมไปถึงคู่ค้าอื่นๆ  ส่วนแคมเปญการตลาด ช่วงไตรมาส 2 และ 3  มีแผนจัดกิจกรรมชิงโชค (Lucky Draw) เพื่อให้สอดคล้องกับสถานีบริการโฉมใหม่ ภายใต้แนวคิด “SUSCO Fuel Your Day เติมพลังให้วันของคุณ ” เพื่อตอบสนองไลฟ์สไตล์กลุ่มลูกค้าคนรุ่นใหม่ในเมืองให้มากยิ่งขึ้น

นายชัยฤทธิ์ กล่าวเพิ่มเติมว่า สำหรับเทรนด์ใหม่อย่างรถยนต์ไฟฟ้าที่จะเริ่มเข้ามามีบทบาทมากขึ้นนั้น ปัจจุบัน SUSCO มีสถานี EV Charging ให้บริการ 22 สาขา โดยมีแนวโน้มขยายเพิ่มสาขาในเขตกรุงเทพ และปริมณฑลอีก 10 สาขา สำหรับรถยนต์กลุ่ม BEV และ PHEV คาดว่าใน 2564 นี้จะมียอดขายประมาณ 4 – 5 หมื่นคัน หรือขยายตัวประมาณ 20% ซึ่งปัจจัยสนับสนุนหลักของตลาด BEV ในอนาคต คือ การที่ภาครัฐและเอกชนจะสามารถเพิ่มความเชื่อมั่นให้กับตลาดในเรื่องของการวางเครือข่ายสถานีชาร์จไฟฟ้าที่ทั่วถึง และแก้ไขข้อจำกัดในเรื่องระยะทางวิ่ง รวมไปถึงการให้การสนับสนุนทางด้านภาษี เป็นต้น ซึ่งการเปลี่ยนแปลงอย่างมีนัยสำคัญคาดว่าจะเกิดขึ้นในอีกประมาณ 5 – 10 ปีข้างหน้า

ส่วนการเตรียมความพร้อมในการรับมือกับไวรัสโควิด-19 รอบใหม่ เชื่อว่าจะส่งผลกระทบกับทุกภาคส่วนอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้ สำหรับผู้ประกอบการธุรกิจต้องจัดเตรียมความพร้อมในการดูแลพนักงาน ให้ความสำคัญกับการป้องกัน และปรับปรุงสถานที่ทำงานให้เหมาะกับยุค New Normal เตรียมความพร้อมในด้านสภาพคล่องของบริษัทฯ ให้มีอย่างเพียงพอที่จะผ่านช่วงวิกฤตินี้ไปได้  ทั้งนี้ SUSCO ได้เปิดบริการให้ลูกค้าสามารถชำระค่าน้ำมันแบบไร้การสัมผัส ซึ่งสะดวกและรวดเร็ว ผ่านช่องทาง E-payment ทั้ง Air Pay และ True Money Wallet (TMN) โดยจะมีแคมเปญร่วมกับทาง Shopee /Air Pay และ True Money Wallet (TMN) จะทยอยออกมาในช่วงต้นปีนี้