WP คาดแผนลงทุนธุรกิจ LNG ชัดเจนครึ่งปีหลัง

ผู้ชมทั้งหมด 1,087 

WP ลั่นจับมือพันธมิตรวางแพลตฟอร์มลงทุนธุรกิจ LNG พร้อมแล้ว คาดไตรมาส3-4 ปีนี้ สรุปชัดตัดสินใจลงทุนหรือไม่ มั่นใจ ผลงานไตรมาส1 ดีกว่าปีก่อน เหตุโตตามความต้องการใช้LPGในประเทศฟื้นตัวหลังโควิด-19 คลี่คลายลง พร้อมลุยขยายลงทุนปั๊มรายได้ปีนี้โต 5% ไม่ต่ำ 1.2 หมื่นล้านบาท

นายนพวงศ์ โอมาธิกุล รองประธานเจ้าหน้าที่บริหารสายงานการเงินและบริหารองค์กร บริษัท ดับบลิวพี เอ็นเนอร์ยี่ จำกัด (มหาชน) หรือ WP เปิดเผยในงาน Oppday Year End 2021 ของบริษัท เมื่อวันที่ 22 มี.ค.2565 โดยระบุว่า บริษัท คาดหมายว่าในช่วงไตรมาส 3-4 ปีนี้ จะมีความชัดเจนเกี่ยวกับธุรกิจก๊าซธรรมชาติเหลว(LNG) หลังจากก่อนหน้านี้ ได้ศึกษาความเป็นไปได้ในการลงทุนและมีหารือกับพันธมิตร 1 ราย ซึ่งในเรื่องของแพลตฟอร์มการลงทุนนั้นถือว่ามีความพร้อมพอสมควร และหากเป็นการลงทุนก็จะเป็นในลักษณะ B2B (Business to Business)

อย่างไรก็ตาม เนื่องจากสถานการณ์ราคา LNG ในปัจจุบันยังมีราคาสูง ดังนั้นจึงต้องตัดสินใจลงทุนในธุรกิจนี้หรือไม่ ยังต้องรอดูจังหวะราคาที่เหมาะสมด้วย

ส่วนแผนการลงทุนในปี 2565  บริษัท ตั้งเป้าหมายจะมีปริมาณการขายรวม อยู่ที่ 765,000 ตัน เพิ่มขึ้นจากปี 2564 ที่มียอดขายอยู่ที่ 714,738 ตัน โดยจะมุ่งขยายการเติบโตตลาดในประเทศ อยู่ที่ 740,000 ตัน และส่งออกไปยังต่างประเทศ 25,000 ตัน คาดว่าจะสามารถสร้างรายได้ไม่ต่ำกว่า 12,000 ล้านบาท หรือเติบโตขึ้นจากปีที่ผ่านมา 5% ภายใต้งบลงทุนปี 2565 อยู่ที่ 860 ล้านบาท โดยจะขยายช่องทางการจัดจำหน่าย เพื่อเข้าถึงลูกค้าได้กว้างขวางและครอบคลุมทั่วประเทศมากขึ้น แบ่งเป็นในส่วนของ B2B จำนวน 10 แห่ง ใช้เงินลงทุนประมาณ 300-400 ล้านบาท และ B2C จำนวน 22 แห่ง ใช้เงินลงทุนประมาณ 100 ล้านบาท ส่วนที่เหลือจะใช้สำหรับการขยายธุรกิจโซลาร์รูฟท็อป อีก 20 เมกะวัตต์ หรือใช้เงินลงทุนประมาณ 460 ล้านบาท

ทั้งนี้ จากสถานการณ์เศรษฐกิจที่เริ่มฟื้นตัวจากการแพร่ระบาดของโควิด-19 คาดว่าจะผลักดันให้การเติบโตในภาคครัวเรือน เพิ่มขึ้นแตะ 62% หรือ 458,170 ตัน ภาคอุตสาหกรรม อยู่ที่ 12% หรือ 90,000 ตัน และปั๊ม LPG อยู่ที่ 14% หรือ 102,000 ตัน และSupply Sales อยู่ที่ 12% หรือ 90,000 ตัน โดยราคาน้ำมันที่แพงขึ้นนั้น จะทำให้เกิดช่องว่าระหว่างราคาน้ำมันกับ LPG เพิ่มขึ้น และส่งผลให้รถยนต์หันกลับมาเติม LPG เพิ่มขึ้นจากปีก่อนได้เล็กน้อย

“บริษัท มั่นใจว่า ในปีนี้จะยังรักษามาร์เก็ตแชร์ เบอร์ 2 ที่ระดับ 18% ไว้ได้ จากการขยายฐานลูกค้าภาคครัวเรือน และขยายเครือข่ายผ่านตัวแทนจัดจำหน่ายตั้งเป้า 3 ปีครอบคลุม 77 จังหวัดทั่วประเทศ จากปัจจุบันมีคลัง LPG จำนวน 5 แห่งทั่วประเทศ มีโรงบรรจุก๊าซฯ รวม 160 แห่ง และมีรถขนส่งขนาดใหญ่ กว่า 100 คัน”

ขณะที่แนวโน้มผลการดำเนินงานในไตรมาส 1 ปีนี้ คาดว่า ปริมาณการขายใน 2 เดือนที่ผ่านมา(ม.ค.-ก.พ.2565) ที่ปรับตัวดีขึ้นเมื่อเทียบกับงวดเดียวกันของปีก่อน จากผลกระทบโควิด-19 ที่คลี่คลายลง และความต้องการใช้ LPG ที่เพิ่มขึ้นของผู้บริโภค  ซึ่งจะส่งผลให้ผลการดำเนินงานไตรมาส 1 ปีนี้ดีขึ้นจากปีก่อน