WP เปิดแผนปี65 ทุ่ม 860 ลบ.รุกตลาด LPGในประเทศ ดันรายได้โต 5%

ผู้ชมทั้งหมด 989 

“ดับบลิวพี เอ็นเนอร์ยี่” กางแผนธุรกิจปี2565 ตั้งงบลงทุน 860 ล้านบาท ขยายปริมาณการขายในประเทศ แตะ 7.4 แสนตัน ส่งออก 2.5 หมื่นตัน ดันรายได้โต 5% พร้อมรุกเพิ่มกำลังผลิตไฟโซลาร์รูฟท็อป อีก 20 เมกะวัตต์ ขณะที่ไตรมาส 1 ปีนี้ คาดทำผลงานได้ดีกว่าปีก่อน รับซุ่มเจรจาทำดีล M&A มองโอกาสต่อยอดการเติบโต

นายนพวงศ์ โอมาธิกุล รองประธานเจ้าหน้าที่บริหารสายงานการเงินและบริหารองค์กร บริษัท ดับบลิวพี เอ็นเนอร์ยี่ จำกัด (มหาชน) หรือ WP เปิดเผยว่า บริษัทตั้งงบลงทุนปี 2565 อยู่ที่ 860 ล้านบาท โดยจะขยายช่องทางการจัดจำหน่าย เพื่อเข้าถึงลูกค้าได้กว้างขวางและครอบคลุมทั่วประเทศมากขึ้น แบ่งเป็นในส่วนของ B2B จำนวน 10 แห่ง ใช้เงินลงทุนประมาณ 300-400 ล้านบาท และ B2C จำนวน 22 แห่ง ใช้เงินลงทุนประมาณ 100 ล้านบาท ส่วนที่เหลือจะใช้สำหรับการขยายธุรกิจโซลาร์รูฟท็อป อีก 20 เมกะวัตต์ หรือใช้เงินลงทุนประมาณ 460 ล้านบาท

โดยคาดว่าจะสามารถสร้างยอดขายรวม 2565 อยู่ที่ 765,000 ตัน เพิ่มขึ้นจากปี 2564 ที่มียอดขายอยู่ที่ 714,738 ตัน โดยในปีนี้ จะมุ่งขยายการเติบโตตลาดในประเทศ อยู่ที่ 740,000 ตัน และส่งออกไปยังต่างประเทศ 25,000 ตัน คาดว่าจะสามารถสร้างรายได้ไม่ต่ำกว่า 12,000 ล้านบาท หรือเติบโตขึ้นจากปีที่ผ่านมา 5%

“ในปีนี้ สัดส่วนยอดขายจะเน้นการเติบโตในภาคครัวเรือนเพิ่มขึ้นแตะ 62% หรือ 458,170 ตัน ภาคอุตสาหกรรม อยู่ที่ 12% หรือ 90,000 ตัน และปั๊มLPG อยู่ที่ 14% หรือ 102,000 ตัน และSupply Sales อยู่ที่ 12% หรือ 90,000 ตัน ซึ่งราคาน้ำมันที่แพงขึ้น คาดว่า จะส่งผลให้รถยนต์หันกลับมาเติม LPG เพิ่มขึ้นจากปี64

อย่างไรก็ตาม ภาพรวมธุรกิจ LPG ในปีนี้ คาดว่า ยังเติบโตขึ้นจากปีก่อน ขณะที่ไตรมาส 1/2565 คาดว่า ยอดขายในเดือนม.ค.-ก.พ.ที่ผ่านมาปรับตัวดีขึ้น เมื่อเทียบกับงวดเดียวกันของปีก่อน จากผลกระทบโควิด-19 ที่คลี่คลายลง ส่วนการส่งสัญญาณลดการอุดหนุนราคาLPG ของภาครัฐลงนั้น มีผลกระทบต่อบริษัทเล็กน้อย และอาจเป็นผลดีที่จะทำให้เกิดกำไรจากสต็อกได้บ้าง  

นางสาวชมกมล พุ่มพันธุ์ม่วง ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท ดับบลิวพี เอ็นเนอร์ยี่ จำกัด (มหาชน) กล่าว ในปี 2565 เป็นปีแห่งการเปลี่ยนผ่านสู่การเติบโตที่ยั่งยืน หรือ Transformation for Sustainable Growth เพื่อพัฒนาแนวการดำเนินธุรกิจและปรับตัวให้ทันต่อการเปลี่ยนแปลงและรับมือกับความท้าทายต่าง ๆ อย่างทันท่วงที และต่อเนื่อง ภายใต้หลักธรรมาภิบาล ควบคู่ไปกับการดูแล คู่ค้า พันธมิตร ผู้มีส่วนได้เสียทุกฝ่าย ให้พร้อมเติบโตไปด้วยกันอย่างมั่นคงยั่งยืน

โดยจะดำเนินธุรกิจภายใต้ 3 กลยุทธ์หลัก ประกอบด้วย  1. ยกระดับซัพพลายเชนสู่มิติใหม่ด้านพลังงาน (Supply chain enhancement) มุ่งสร้างการเติบโตให้กับธุรกิจก๊าซแอลพีจีภายใต้แบรนด์เวิลด์แก๊ส ซึ่งยังคงเป็นธุรกิจหลักในการสร้างรายได้ในปีนี้ เพื่อรักษาความเป็นผู้นำในตลาด โดยสร้างความแข็งแกร่งของซัพพลายเชนตั้งแต่ต้นน้ำยันปลายน้ำ นำนวัตกรรมมาพัฒนาระบบการดำเนินงาน และขยายช่องทางการจัดจำหน่าย เพื่อเข้าถึงลูกค้าได้กว้างขวางและครอบคลุมทั่วประเทศมากขึ้น ทั้งในกลุ่ม B2B และ B2C ตลอดจนกิจกรรมสื่อสารการตลาดรูปแบบใหม่ ๆ เช่น แคมเปญโฆษณาชุด “หมดภาระ ….. เมื่อสั่ง เวิลด์แก๊ส” การดำเนินธุรกิจโรงซ่อมถังอย่างเต็มรูปแบบ และเตรียมขยายสู่ธุรกิจการผลิตถังในอนาคต รวมทั้งการเปิดตัวแพล็ตฟอร์ม CRM เพิ่มช่องทางการจัดจำหน่ายออนไลน์  รวมทั้งการนำเทคโนโลยีดิจิทัลมาใช้ในการดำเนินการด้านต่าง ๆ เช่น Call Center แบบ one stop services โดยใช้ เทคโนโลยี IOT หรือ internet of things เข้ามาใช้งาน เป็นต้น

2.ขยาย Ecosystem บุกเบิกบริการใหม่ ๆ เพื่อตอบโจทย์ลูกค้าอย่างครบวงจร (Customer Ecosystem Expansion) มุ่งสู่การเป็น Service & Energy Solution Provider นำประสบการณ์กว่า 42 ปีในธุรกิจพลังงานมาต่อยอดศักยภาพในการให้บริการและคำปรึกษาแก่ลูกค้า ควบคู่ไปกับการแสวงหาและนำนวัตกรรมมาประยุกต์ใช้และให้บริการลูกค้าทุกกลุ่มได้อย่างยืดหยุ่นตามความต้องการเฉพาะ โดยกลุ่มลูกค้าอุตสาหกรรม มุ่งเน้นการนำเสนอผลิตภัณฑ์ที่หลากหลายเพื่อช่วยประหยัดต้นทุน รวมทั้งนำเสนอพลังงานทางเลือกและโซลูชั่นอื่น ๆ ที่เหมาะสมกับรูปแบบธุรกิจที่แตกต่าง  และสำหรับกลุ่มพาณิชยกรรม เช่นโรงแรม ร้านอาหาร จะร่วมเป็นพันธมิตรกับ Food Platform ต่าง ๆ ในการนำเสนอผลิตภัณฑ์ในแต่ละแพลตฟอร์ม

3.พัฒนาโซลูชั่นใหม่ ๆ เพื่อให้เป็นทุกคำตอบของพลังงานสะอาดเพื่อความยั่งยืน (Green & Sustainable Energy solutions) มุ่งเน้นสร้างการพัฒนาธุรกิจให้เกิดความยั่งยืน ด้วยการแสวงหาธุรกิจพลังงานใหม่ ๆ ที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม และสร้างผลตอบแทนได้ในระยะยาว ขยายสัดส่วนของธุรกิจพลังงานสะอาดอย่างต่อเนื่อง โดยตั้งเป้าการเซ็นสัญญาการซื้อขายไฟฟ้า (PPA) จากโซลาร์รูฟท็อปและโรงไฟฟ้าพลังงานแสงอาทิตย์รวม 20 เมกะวัตต์ ในปี 2565  ศึกษาความเป็นไปได้ของธุรกิจใหม่ๆ ที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อมและอยู่ในกระแสความสนใจในแวดวงธุรกิจพลังงาน

สำหรับความคืบหน้าธุรกิจก๊าซธรรมชาติเหลว(LNG)นั้น  บริษัทอยู่ระหว่างการศึกษาโอกาสการลงทุนที่เหมาะสม เนื่องจากลูกค้าบางรายมีความต้องการใช้ LNG ซึ่งบริษัทได้เตรียมความพร้อมในการพูดคุยกับซัพพลายเออร์แล้ว แต่ปัจจุบันราคา LNG ที่ยังค่อนข้างสูง จึงต้องรอจังหวะที่เหมาะสม และยืนยันว่ายังไม่ทิ้งธุรกิจนี้

นอกจากนี้ ในส่วนของการขยายการลงทุนผ่านรูปแบบ การควบรวมหรือเข้าซื้อกิจการ(M&A) และการร่วมลงทุน(JV) นั้น ยอมรับว่า มีพันธมิตรทางธุรกิจที่สนใจเข้ามาพูดคุยกับบริษัท ซึ่งบริษัทไม่ปิดกั้นโอกาสใหม่ๆ เพราะจะเป็นอีกแนวทางที่สร้างการเติบโตให้กับบริษัทอย่างรวดเร็ว โดยหากมีความชัดเจนเกิดขึ้น ก็จะเปิดเผยข้อมูลต่อไป