กกพ.แย้มค่าไฟงวด (ก.ย.-ธ.ค.66) มีโอกาสลดลงกว่า 20 สต.ต่อหน่วย

ผู้ชมทั้งหมด 3,849 

กกพ.คาดค่าไฟฟ้างวดสุดท้ายของปีนี้ (ก.ย.-ธ.ค.66) มีโอกาสลดลงกว่า 20 สตางค์ต่อหน่วย ตามต้นทุนค่าเชื้อเพลิง พร้อมเกาะติดเพิ่มกำลังผลิตก๊าซฯแหล่งเอราวัณ เผย บอร์ด กกพ.เห็นชอบให้ กฟน.และ PEAจัดทำอัตราขายปลีกไฟฟ้าสีเขียวให้เสร็จ ก่อนออกเป็นประกาศหลักเกณฑ์อัตราขายปลีก คาดประกาศใช้ ส.ค.-ก.ย.นี้

นายคมกฤช ตันตระวาณิชย์ เลขาธิการสำนักงานคณะกรรมการกำกับกิจการพลังงาน (สำนักงาน กกพ.) และในฐานะโฆษก กกพ. เปิดเผยว่า แนวโน้มค่าไฟฟ้าอัตโนมัติผันแปร(Ft) งวดสุดท้ายของปีนี้ (ก.ย.-ธ.ค. 2566) เท่าที่ติดตามข้อมูลประมาณการณ์คำนวณค่าFt จากปัจจัยต่างๆ ทั้งอัตราแลกเปลี่ยน อยู่ระดับที่ 34 บาทต่อดอลลาร์,ราคาน้ำมันดิบ, ราคาPool Gas ลดลง -55.5 บาทต่อ MMBTU และราคา LNG Spot อยู่ที่ 13.295 ดอลลาร์ต่อล้านบีทียู รวมถึง Generation Mixed ที่ต้องนำมาประกอบการพิจารณาแล้ว ยังมีปัจจัยอื่นๆ ที่จะต้องนำมาพิจารณารวมด้วยใยงวดนี้ ทั้งการคืนภาระหนี้ให้การไฟฟ้าฝ่ายผลิตแห่งประเทศไทย (กฟผ.) ตามที่เคยเสนอมางวดละประมาณ 20,000 ล้านบาท และการช่วยเหลือกลุ่มเปราะบางอื่นๆ เป็นต้น อาจส่งผลให้ค่าไฟงวดเดือน ก.ย.-ธ.ค. 2566 ลดลงอย่างน้อย 20 สตางค์ต่อหน่วย

“ตัวแปรสำคัญของค่าไฟฟ้าในงวดนี้ ยังขึ้นอยู่กับปริมาณการผลิตก๊าซในอ่าวไทย โดยเฉพาะแหล่งเอราวัณที่กลุ่มปตท. ระบุว่า เดือนก.ค. 2566 จะมีกำลังผลิตที่ 400 ล้านลูกบาศก์ฟุตต่อวัน จากปัจจุบันที่ระดับ 200 ล้านลูกบาศกก์ฟุตต่อวัน ซึ่งตอนนี้ยังไม่ได้คอนเฟิร์มปริมาณการผลิต”

อย่างไรก็ตาม สำนักงานกกพ. อยู่ระหว่างเตรียมนำเสนอข้อมูลต่ออนุกรรมการค่าFt พิจารณาในช่วงต้นเดือนก.ค.นี้ ก่อนจะเข้าที่ประชุมบอร์ดกกพ. เพื่อสรุปตัวเลขที่ชัดเจนและเปิดเผยต่อสาธารณชนไม่เกินเดือนก.ค.นี้

นายคมกฤช ยังเปิดเผยผลการประชุมบอร์ด กกพ.เมื่อวันที่ 21 มิ.ย. 2566 ได้เห็นชอบให้นำความเห็นของประชาชน ที่ กกพ.เปิดรับฟังเกี่ยวกับ “หลักเกณฑ์อัตราค่าไฟฟ้าสีเขียว (ไฟฟ้าที่ผลิตจากพลังงานทดแทน) ที่การไฟฟ้าเป็นผู้ขายปลีกให้กับภาคอุตสาหกรรมและประชาชน” มาปรับปรุงหลักเกณฑ์ใหม่

โดยหลังจากนี้จะต้องรอให้ การไฟฟ้านครหลวง (กฟน.) และการไฟฟ้าส่วนภูมิภาค (PEA) คำนวณราคาไฟฟ้าสีเขียวที่จะจำหน่ายปลีกแก่ภาคอุตสาหกรรมและประชาชน ให้แล้วเสร็จก่อน เพื่อกำหนดเป็นหลักเกณฑ์ฯ ที่สมบูรณ์ และจะประกาศใช้ได้ประมาณเดือน ส.ค.-ก.ย. 2566 นี้

ทั้งนี้ อัตราไฟฟ้าสีเขียวจะมีทั้งรูปแบบราคาขายส่งและขายปลีก โดยอัตราขายส่งไฟฟ้า ผู้ผลิตไฟฟ้าจะขายไฟฟ้าให้กับ กฟน. และ PEA ตามอัตราที่คณะกรรมการนโยบายพลังงานแห่งชาติ (กพช.) เมื่อวันที่ 6 พ.ค. 2565 กำหนดไว้ โดยประเภทก๊าซชีวภาพ (น้ำเสีย/ของเสีย) ราคา 2.07 บาทต่อหน่วย, พลังงานลม ราคา 3.10 บาทต่อหน่วย และพลังงานจากแสงอาทิตย์ ราคา 2.16 บาทต่อหน่วย ซึ่งในรอบแรกที่ กกพ. เปิดรับซื้อไฟฟ้าสีเขียวจากผู้ผลิตไฟฟ้านั้น มีผู้ร่วมโครงการ 175 ราย ได้ไฟฟ้าจำนวน 4,852.26 เมกะวัตต์

ส่วนการขายปลีก ทาง กฟน. และ PEA จะนำต้นทุนค่าไฟฟ้าดังกล่าวมาบวกรวมกับค่าใช้จ่ายต่างๆ เช่น ค่าสายส่งไฟฟ้า และ ค่าบริหารจัดการไฟฟ้า เป็นต้น และคำนวณเป็นค่าไฟฟ้าที่ กฟน. และ PEA จะขายปลีกให้กับอุตสาหกรรมและประชาชนต่อไป

สำหรับความคืบหน้า การเปิดรับซื้อไฟฟ้าพลังงานหมุนเวียน เฟส 2 จำนวน 3,668.5 เมกะวัตต์ ยังต้องรอให้หลักเกณฑ์ด้านอัตราขายปลีกค่าไฟฟ้าสีเขียว และสัญญา PPA ของเฟสแรก เสร็จสิ้นก่อน จึงจะเดินหน้าออกประกาศรับซื้อไฟฟ้าต่อไป