กฟผ. – ผนึกพันธมิตรน้อมนำศาสตร์พระราชา ขับเคลื่อนประเทศสู่สังคมคาร์บอนต่ำอย่างยั่งยืน

ผู้ชมทั้งหมด 26,022 

เมื่อวันที่ 26 มิถุนายน 2566 นายบุญญนิตย์ วงศ์รักมิตร ผู้ว่าการการไฟฟ้าฝ่ายผลิตแห่งประเทศไทย (กฟผ.) ร่วมพิธีลงนาม 4 บันทึกข้อตกลงความร่วมมือระหว่าง กฟผ. กับภาคีเครือข่าย อันได้แก่ มูลนิธิ อุทกพัฒน์ ในพระบรมราชูปถัมภ์ และสถาบันสารสนเทศทรัพยากรน้ำ (องค์การมหาชน) สำนักงาน คณะกรรมการพิเศษ เพื่อประสานงานโครงการอันเนื่องมาจากพระราชดำริ (กปร.) มูลนิธิกสิกรรมธรรมชาติ และ 8 สถาบันอุดมศึกษา

โดยมี ดร.รอยล จิตรดอน กรรมการและเลขาธิการมูลนิธิอุทกพัฒน์ในพระบรมราชูปถัมภ์ นายปวัตร์ นวะมะรัตน เลขาธิการคณะกรรมการพิเศษเพื่อประสานงานโครงการอันเนื่องมาจากพระราชดำริ ดร.วิวัฒน์ ศัลยกำธร ผู้ก่อตั้งและที่ปรึกษามูลนิธิกสิกรรมธรรมชาติ และดร.จงรัก วัชรินทร์รัตน์ อธิการบดีมหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ พร้อมผู้แทน 8 สถาบันอุดมศึกษา ร่วมลงนามแสดงเจตจำนงความร่วมมือ ณ ห้องออดิทอเรียม ชั้น 3 อาคาร 50 ปี กฟผ. สำนักงานใหญ่ กฟผ.

นายบุญญนิตย์ ผู้ว่าการ กฟผ. เปิดเผยว่า กว่า 54 ปี ที่ กฟผ. มุ่งมั่นดูแลความมั่นคงด้านพลังงานไฟฟ้าของประเทศ เปลี่ยนผ่านสู่พลังงานสะอาด ควบคู่กับส่งเสริมการใช้ไฟฟ้าอย่างมีประสิทธิภาพ ดูแลสังคมชุมชนและสิ่งแวดล้อม ทั้งการจัดการคุณภาพอากาศ การเพิ่มพื้นที่สีเขียวของประเทศ การเพิ่มการดูดซับก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ โดยร่วมกับภาคีเครือข่าย ดำเนินโครงการต่าง ๆ ที่สอดคล้องกับเป้าหมาย EGAT Carbon Neutrality ภายในปี ค.ศ. 2050 ตามเป้าหมายประเทศ เพื่อความสุขของคนไทยอย่างยั่งยืน

ดร.รอยล ระบุว่า มูลนิธิฯ พร้อมในการร่วมกับ กฟผ. และ สถาบันสารสนเทศทรัพยากรน้ำ (องค์การมหาชน) น้อมนำแนวพระราชดำริด้านการจัดการทรัพยากร ดินน้ำป่าของพระบาทสมเด็จพระบรมชนกาธิเบศร มหาภูมิพล อดุลยเดชมหาราช บรมนาถบพิตร สู่การปฏิบัติอย่างยั่งยืน โดยจะร่วมกันอนุรักษ์ ฟื้นฟู บริเวณพื้นที่เหนือเขื่อนภูมิพล เขื่อนสิริกิติ์ เขื่อนอุบลรัตน์ และเขื่อนปากมูล

ด้าน นายปวัตร์ กล่าวถึงความมุ่งมั่นดำเนินงานสนองพระราชดำริอย่างต่อเนื่องด้วยดีตลอดมาระหว่าง กฟผ. กับ สำนักงาน กปร. โดยในปี 2566 นี้จะร่วมกันส่งเสริมประสิทธิภาพพลังงาน ด้วยการสนับสนุนการติดตั้งระบบไฟฟ้าพลังงานแสงอาทิตย์ และระบบกักเก็บพลังงาน ในโรงเรียนตำรวจตระเวนชายแดน นำร่อง 4 แห่ง ในเขตพื้นที่ภาคเหนือและภาคตะวันตก เพื่อปรับปรุงและเสริมสร้างความมั่นคงด้านการใช้ไฟฟ้าในการเรียนการสอน พร้อมบูรณาการต่อยอดการปลูกป่าในพื้นที่เหนืออ่างเก็บน้ำในโครงการอันเนื่องมาจากพระราชดำริ เพื่อฟื้นฟูสภาพแวดล้อมบริเวณป่าต้นน้ำ นำร่องดำเนินงานบริเวณอ่างเก็บน้ำลำน้ำชี และอ่างเก็บน้ำลำสะพุง จังหวัดชัยภูมิ รวม 700 ไร่ ภายใต้โครงการปลูกป่าอย่างมีส่วนร่วมของกฟผ.

ด้าน ดร.วิวัฒน์ แสดงเจตจำนงเดินหน้าต่อเนื่องขับเคลื่อนโครงการศาสตร์พระราชาสืบสานงานของพ่อปี 2 ร่วมกับ กฟผ. ที่มุ่งพัฒนา ฟื้นฟูทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมในพื้นที่ลุ่มน้ำที่มีความสัมพันธ์กับ 7 เขื่อนพระนาม 3 โรงไฟฟ้าของ กฟผ. เพื่อยกระดับคุณภาพชีวิตชุมชน ทั้งด้านเศรษฐกิจ สังคม ให้พึ่งพาตนเองได้

ดร.จงรัก กล่าวถึงความพร้อมของ 8 สถาบันอุดมศึกษา ได้แก่ 1.มหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ 2.มหาวิทยาลัยขอนแก่น 3.มหาวิทยาลัยเทคโนโลยีพระจอมเกล้าธนบุรี 4.มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ 5.มหาวิทยาลัยมหิดล 6.มหาวิทยาลัยศรีนครินทรวิโรฒหาวิทยาลัยสงขลานครินทร์ และ 7.สถาบันเทคโนโลยีพระจอมเกล้าเจ้าคุณทหารลาดกระบัง ร่วมสนับสนุนโครงการสร้างสังคมแห่งการเรียนรู้นวัตกรรมด้านพลังงาน และสิ่งแวดล้อมปี 2 ให้เยาวชนได้พัฒนาทักษะ ศักยภาพ และความคิดสร้างสรรค์ในการพัฒนานวัตกรรม โดยต่อยอดการส่งเยาวชนในระดับชั้นมัธยมศึกษาตอนปลายของโครงการห้องเรียนสีเขียว กฟผ. เข้าสู่ระดับอุดมศึกษา จากการเข้าร่วมกิจกรรมการประกวดภายใต้หัวข้อ “นวัตกรรมเทคโนโลยีสีเขียวลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจก”