กรมธุรกิจพลังงาน ชี้ท่องเที่ยวหนุนการใช้น้ำมันไตรมาส 4 ปีนี้ พุ่ง 3.1%

ผู้ชมทั้งหมด 4,963 

กรมธุรกิจพลังงาน คาดยอดการใช้น้ำมันไตรมาส 4 โต 3.10% รับเศรษฐกิจฟื้น หนุนทั้งปี 66 ขยายตัว 1% ขณะที่ 9 เดือนปีนี้ ยอดการใช้อยู่ที่ 153.54 ล้านลิตร/วัน

นางสาวนันธิกา ทังสุพานิช อธิบดีกรมธุรกิจพลังงาน เปิดเผยว่า กรมฯ ได้คาดการณ์ความต้องการใช้น้ำมันเชื้อเพลิง ไตรมาส 4 ปี 2566 (เดือนตุลาคม – ธันวาคม) เมื่อเทียบกับไตรมาส 3 ปี 2566 (เดือนกรกฎาคม – กันยายน) คาดว่า การใช้จะเพิ่มขึ้น ร้อยละ 3.10 เนื่องจากเข้าสู่ฤดูการท่องเที่ยวและฤดูกาลเก็บเกี่ยวผลผลิต การใช้น้ำมันอากาศยานเชิงพาณิชย์ (Jet A1) เพิ่มขึ้น ร้อยละ 20.1 น้ำมันดีเซลเพิ่มขึ้นร้อยละ 8.2 น้ำมันเตาเพิ่มขึ้นร้อยละ 3.5  และกลุ่มเบนซินเพิ่มขึ้น ร้อยละ 0.3 ขณะที่การใช้ LPG ลดลงร้อยละ 9.7 เนื่องจากภาคปิโตรเคมีลดกำลังการผลิต                

ขณะที่ คาดการณ์ว่าความต้องการใช้น้ำมันเชื้อเพลิงภาพรวม ปี 2566 คาดว่าจะมีการใช้เฉลี่ยอยู่ที่ 153.08 ล้านลิตร/วัน เพิ่มขึ้นจากปี 2565 ร้อยละ 1.0 ซึ่งการใช้ที่เพิ่มขึ้นหลักๆ มาจากการใช้น้ำมันอากาศยานเชิงพาณิชย์ (Jet A1) เพิ่มขึ้น ร้อยละ 53.6 เนื่องจากการฟื้นตัวด้านการท่องเที่ยวหลังจากสถานการณ์

กรมฯ อยู่ระหว่างติดตามเก็บข้อมูลและประเมินผลยอดการใช้น้ำมันแก๊สโซฮอล์ 91 หลังจากมีนโยบายปรับลดราคาขายปลีกลงให้ได้ 2.50 บาทต่อลิตร เพื่อเป็นน้ำมันทางเลือกให้กับประชาชนเป็นระยะเวลา 3 เดือน อย่างไรก็ตาม ในอนาคตจะมีการปรับลดหัวจ่ายน้ำมันประเภทใดลงหรือไม่นั้นขึ้นอยู่กับนโยบาย ซึ่งคาดว่าจะเห็นความชัดเจนได้หลังจากประกาศแผนพลังงานชาติฉบับใหม่”

ส่วนภาพรวมการใช้น้ำมันเชื้อเพลิงเฉลี่ยเดือนมกราคม – กันยายน 2566 อยู่ที่ 153.54 ล้านลิตร/วัน เพิ่มขึ้นเมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อนร้อยละ 1.9 โดยการใช้น้ำมันกลุ่มเบนซินเพิ่มขึ้นร้อยละ 4.3 น้ำมันอากาศยานเชิงพาณิชย์ (Jet A1) เพิ่มขึ้นร้อยละ 66.5 การใช้ LPG เพิ่มขึ้นร้อยละ 0.5 และ NGV เพิ่มขึ้นร้อยละ 0.2  ขณะที่น้ำมันเตา และน้ำมันกลุ่มดีเซลมีการใช้ลดลงร้อยละ 11.4 ร้อยละ 4.5 ตามลำดับ

โดยการใช้น้ำมันเชื้อเพลิงเดือนมกราคม – กันยายน 2566 ของน้ำมันกลุ่มเบนซิน เฉลี่ยอยู่ที่ 31.70 ล้านลิตร/วัน เพิ่มขึ้นจากช่วงเดียวกันของปีก่อนร้อยละ 4.3 การใช้น้ำมันกลุ่มดีเซล เฉลี่ยอยู่ที่ 69.16 ล้านลิตร/วัน ลดลงร้อยละ 4.5 ทั้งนี้ ในการประชุมคณะรัฐมนตรี เมื่อวันที่ 13 กันยายน 2566 มีมติเห็นชอบการปรับลดภาษีสรรพสามิตน้ำมันดีเซล 2.50 บาท/ลิตร ตามชนิดของน้ำมันดีเซล และกองทุนน้ำมันเชื้อเพลิงจะเข้าไปชดเชยเพื่อตรึงราคาน้ำมันดีเซลไม่ให้เกิน 30 บาท/ลิตร โดยมีผลบังคับใช้ตั้งแต่วันที่ 20 กันยายน 2566 ถึงวันที่ 31 ธันวาคม 2566 เพื่อลดภาระค่าใช้จ่ายด้านพลังงานให้แก่ประชาชนและภาคธุรกิจ ภายใต้สถานการณ์ราคาน้ำมันดีเซลโลกที่มีความผันผวนจากความกังวลทางเศรษฐกิจ และความผันผวนของค่าเงินดอลลาร์สหรัฐฯ การใช้น้ำมันอากาศยานเชิงพาณิชย์ (Jet A1) เฉลี่ยอยู่ที่ 13.22 ล้านลิตร/วัน เพิ่มขึ้นจากช่วงเดียวกันของปีก่อนร้อยละ 66.5 เนื่องจากการฟื้นตัวด้านการท่องเที่ยวหลังจากสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคโควิด 19 ในช่วงปีก่อนกลับเข้าสู่สถานการณ์ปกติ ส่งผลให้ปริมาณการใช้น้ำมัน Jet A1 เพิ่มมากขึ้น

อีกทั้ง รัฐบาลได้มีการประกาศใช้นโยบายฟรีวีซ่า สำหรับนักท่องเที่ยวประเทศจีนและคาซัคสถาน รวมระยะเวลา 5 เดือน ซึ่งคาดการณ์ว่าจะช่วยสนับสนุนให้นักท่องเที่ยวเดินทางเพิ่มมากขึ้น การใช้ LPG เฉลี่ยอยู่ที่ 18.15 ล้านกก./วัน เพิ่มขึ้นจากช่วงเดียวกันของปีก่อนร้อยละ 0.5 การใช้ NGV เฉลี่ยอยู่ที่ 3.40 ล้านกก./วัน เพิ่มขึ้นจากช่วงเดียวกันของปีก่อนร้อยละ 0.2 ในส่วนการนำเข้าน้ำมันเชื้อเพลิง ปริมาณการนำเข้ารวม เฉลี่ยอยู่ที่ 1,043,105 บาร์เรล/วัน เพิ่มขึ้นจากช่วงเดียวกันของปีก่อนร้อยละ 0.8 คิดเป็นมูลค่าการนำเข้ารวม 93,700 ล้านบาท/เดือน และการส่งออกน้ำมันสำเร็จรูป ปริมาณส่งออกรวม อยู่ที่ 167,695 บาร์เรล/วัน เพิ่มขึ้นร้อยละ 1.8 คิดเป็นมูลค่าส่งออกรวม 17,310 ล้านบาท/เดือน