ทล.ลงนามเอกชน 10 สัญญา ก่อสร้างมอเตอร์เวย์ช่วงเอกชัย – บ้านแพ้ว ระยะทาง 16.4 กม.

ผู้ชมทั้งหมด 1,077 

ทล.ลงนามเอกชน 10 สัญญา ก่อสร้างมอเตอร์เวย์สาย 82 ทางยกระดับบางขุนเทียน – บ้านแพ้ว ช่วงเอกชัย – บ้านแพ้วระยะทาง 16.4 กม. วงเงินก่อสร้าง 18,759 ล้านบาท 

นายศักดิ์สยาม ชิดชอบ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงคมนาคม กล่าวภายหลังเป็นประธานในพิธีลงนามสัญญาและลงนามข้อตกลงคุณธรรม (Integrity Pact : IP) โครงการก่อสร้างทางหลวงพิเศษหมายเลข 82 สายทางยกระดับบางขุนเทียน – บ้านแพ้ว ช่วงเอกชัย – บ้านแพ้ว ตอน 1 – 10 ว่า ถนนพระราม 2 เป็นเส้นทางหลักเชื่อมสู่ภาคใต้ของประเทศ มีปัญหาจราจรติดขัดจนเป็นอุปสรรคต่อการเดินทางมาโดยตลอด พลเอก ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี จึงมีนโยบายให้กระทรวงคมนาคมเร่งแก้ไขปัญหา โดยเมื่อวันที่ 9 กุมภาพันธ์ 2564 คณะรัฐมนตรี (ครม.) ได้มีมติอนุมัติให้ดำเนินการก่อสร้างโครงการดังกล่าว เพื่อแก้ปัญหาการจราจร โดยให้กรมทางหลวง (ทล.) ใช้เงินทุนค่าธรรมเนียมผ่านทางในการก่อสร้างงานโยธา

โดยการแก้ปัญหาจะต้องดำเนินการบนถนนพระราม 2 ตลอดแนวเส้นทาง และเชื่อมต่อเข้ากับโครงข่ายทางพิเศษของการทางพิเศษแห่งประเทศไทย (กทพ.) ทางหลวงพิเศษ และทางหลวงแผ่นดิน ของทล. รวมระยะทาง 90.8 กิโลเมตร ประกอบด้วย 1) โครงการทางพิเศษ สายพระราม 3 – ดาวคะนอง – วงแหวนรอบนอกกรุงเทพมหานคร ด้านตะวันตก ระยะทาง 18.7 กิโลเมตร

2) โครงการก่อสร้างทางยกระดับบนทางหลวงหมายเลข 35 สายธนบุรี – ปากท่อ ช่วงบางขุนเทียน – เอกชัย ระยะทางรวม 8.3 กิโลเมตร ปัจจุบันอยู่ระหว่างการก่อสร้าง ขณะนี้การก่อสร้างมีความก้าวหน้าแล้วร้อยละ 57

3) โครงการก่อสร้างทางหลวงพิเศษหมายเลข 82 ช่วงเอกชัย – บ้านแพ้ว ระยะทาง16.4 กิโลเมตร ซึ่งเป็นโครงการที่มีพิธีการลงนามสัญญาก่อสร้างงานโยธา ในวันนี้ (2 กุมภาพันธ์ 2565)

4) โครงการทางหลวงพิเศษหมายเลข 82 ช่วงบ้านแพ้ว – ปากท่อ ระยะทาง 47.4 กิโลเมตร สิ้นสุดที่แยกวังมะนาว อำเภอปากท่อ จังหวัดราชบุรี ซึ่งเป็นโครงการที่มีแผนก่อสร้างในอีก 5 ปีข้างหน้า (พ.ศ. 2570) โดยกระทรวงคมนาคมคาดว่าโครงการนี้จะเป็นอีกหนึ่งทางเลือกในการคมนาคมขนส่งจากกรุงเทพฯ สู่ภาคใต้ และช่วยแก้ปัญหาการจราจรบนถนนพระราม 2 ได้อย่างยั่งยืนต่อไป

สำหรับโครงการก่อสร้างทางหลวงพิเศษหมายเลข 82 ช่วงเอกชัย – บ้านแพ้ว มีระยะทางรวม 16.4 กม. วงเงินก่อสร้าง18,759 ล้านบาท ระยะเวลาก่อสร้าง 1,080 วัน และมีแผนเปิดให้บริการในปี 2568 โดยแบ่งการดำเนินการเป็น 10 ตอนดังนี้

ตอน 1 ระยะทาง 2.17 กิโลเมตร ผู้รับจ้าง บริษัท อุดมศักดิ์เชียงใหม่ จำกัด มูลค่างาน 1,757 ล้านบาท, ตอน 2 ระยะทาง 2.19 กิโลเมตร ผู้รับจ้าง กิจการร่วมค้า กรุงธน-ไทย มูลค่างาน 1,861 ล้านบาท

ตอน 3 ระยะทาง 1.06 กิโลเมตร ผู้รับจ้าง กิจการร่วมค้า วีเอ็น มูลค่างาน 1,910 ล้านบาท, ตอน 4 ระยะทาง 1.26 กิโลเมตร ผู้รับจ้าง บริษัท กรุงธนเอนยิเนียร์ จำกัด มูลค่างาน 1,876 ล้านบาท

ตอน 5 ระยะทาง 1.66 กิโลเมตร ผู้รับจ้าง บริษัท บางแสนมหานคร จำกัด มูลค่างาน 1,903 ล้านบาท,ตอน 6 ระยะทาง 1.10 กิโลเมตรผู้รับจ้าง กิจการร่วมค้า ยูเอ็น-เอเอสไอ มูลค่างาน 1,865 ล้านบาท

ตอน 7 ระยะทาง 1.43 กิโลเมตร พร้อมสะพานข้ามแม่น้ำท่าจีน มูลค่างาน 1,868 ล้านบาท ผู้รับจ้างบริษัท อิตาเลียนไทย ดีเวล๊อปเมนต์ จำกัด (มหาชน)

ตอน 8 ระยะทาง 2.15 กิโลเมตร ผู้รับจ้าง กิจการร่วมค้า ซีซีเอสพี-เดอะซีอีซี มูลค่างาน 1,910 ล้านบาท, ตอน 9 ระยะทาง 2.14 กิโลเมตร ผู้รับจ้าง กิจการร่วมค้า ซีเอ็มซี-ทีบีทีซี มูลค่างาน 1,859 ล้านบาท, ตอน 10 ระยะทาง 1.13 กม. ผู้รับจ้าง กิจการร่วมค้า เอส.เค. มูลค่างาน 1,946 ล้านบาท

ขณะที่รูปแบบโครงการเป็นทางยกระดับบนทางหลวงหมายเลข 35 (ถนนพระราม 2) ขนาด 6 ช่องจราจรไป – กลับ ตลอดเส้นทาง โดยมีสะพานข้ามแม่น้ำท่าจีนบริเวณ กม. ที่ 31พร้อมด้วยด่านเก็บค่าผ่านทางและทางขึ้น – ลง จำนวน 4 แห่ง ซึ่งทล.จะบริหารจัดการอย่างรัดกุมระหว่างการก่อสร้าง เพื่อลดปัญหาการกีดขวางของการจราจรและอุบัติเหตุตามนโยบายของรัฐบาลและกระทรวงคมนาคม ซึ่งจะทำให้ถนนพระราม 2 มีผิวจราจรเพิ่มขึ้นเป็น 20 ช่องจราจร คือ พื้นราบ 12 ช่องจราจร ไป-กลับ บวกกับทางยกระดับ 6 ช่องจราจรไป-กลับ รองรับปริมาณจราจรได้มากกว่า 1 แสนคันต่อวัน เป็นทางเลือกในการเดินทางขนส่งจากกรุงเทพฯ สู่ภาคใต้ ที่สะดวกมากขึ้น

ส่วนการดำเนินงานและบำรุงรักษา (O&M) รวมทั้งการเก็บค่าผ่านทางแบบไร้ไม้กั้นโดยเทคโนโลยี AI (Artificial Intelligence) ด้วยระบบ M-Flow กรอบวงเงินลงทุนราว 12,000 ล้านบาท ทล. อยู่ระหว่างเตรียมเสนอรูปแบบการร่วมลงทุนระหว่างรัฐและเอกชน (Purchasing Private Partnership: PPP) ให้กระทรวงคมนาคมพิจารณา เพื่อนำเสนอคณะรัฐมนตรีเห็นชอบต่อไป โดยคาดว่าจะสามารถประมูล PPP ได้ภายในปี 2565 และดำเนินการติดตั้งระบบในปี 2566 – ปลายปี 2567 จากนั้นจึงเปิดให้ประชาชนวิ่งฟรีทดสอบระบบและเปิดให้บริการเต็มรูปแบบได้ภายในปี 2568 

ทั้งนี้เมื่อการก่อสร้างแล้วเสร็จจะช่วยเติมเต็มโครงข่ายทางหลวงพิเศษระหว่างเมือง เสริมศักยภาพระบบการขนส่งทางถนนพื้นที่กรุงเทพฯ เชื่อมต่อภาคใต้ให้มีประสิทธิภาพ สะดวก รวดเร็ว และปลอดภัย เพิ่มขีดความสามารถในการแข่งขันด้านโลจิสติกส์ของประเทศให้ก้าวต่อไปสู่ความมั่นคง 

นอกจากการลงนามในสัญญาก่อสร้างแล้ว กระทรวงคมนาคม โดย ทล. ยังได้ร่วมลงนามในบันทึกข้อตกลงคุณธรรม เพื่อสร้างความร่วมมือป้องกันการทุจริตในการจัดซื้อจัดจ้างของโครงการฯ และตั้งเป้าหมายให้การใช้เงินงบประมาณเป็นไปอย่างคุ้มค่าและมีประสิทธิผล และปฏิบัติการจัดซื้อจัดจ้างด้วยความสุจริตโปร่งใส และเป็นธรรม