“ศักดิ์สยาม” ปลื้มญี่ปุ่นพร้อมร่วมมือไทยพัฒนาโครงสร้างพื้นฐาน

ผู้ชมทั้งหมด 563 

ศักดิ์สยาม” เผยญี่ปุ่นพร้อมร่วมมือไทยพัฒนาโครงสร้างพื้นฐาน ศึกษาลงทุนโครงการรถไฟความเร็วสูง กรุงเทพมหานคร-เชียงใหม่ โครงข่าย MR-Map หวังเชื่อมโยงในทุกระดับสร้างความเข้มแข็งให้กับเศรษฐกิจของไทยและภูมิภาค

นายศักดิ์สยาม ชิดชอบ รมว.คมนาคม เปิดเผยภายหลังเข้าร่วมการประชุมคณะกรรมาธิการร่วมระดับสูงไทย – ญี่ปุ่น (High Level Joint Commission: HLJC) ครั้งที่ 5 ว่า การประชุมดังกล่าวเพื่อร่วมพัฒนาอนุภูมิภาคลุ่มน้ำโขง รวมทั้ง ร่วมดำเนินการในโครงการความร่วมมือด้านคมนาคมไทย-ญี่ปุ่น

โดยประเด็นด้านการพัฒนาความเชื่อมโยงในไทย และการพัฒนาอนุภูมิภาคลุ่มน้ำโขงตนได้เน้นย้ำการให้ความสำคัญการดำเนินโครงการความร่วมมือด้านคมนาคมไทย-ญี่ปุ่น ในปัจจุบัน ทั้งการจัดทำแผนแม่บทขนส่งมวลชนทางรางในเขตกรุงเทพมหานครและปริมณฑล (พื้นที่ต่อเนื่อง) ระยะที่ 2 (M-MAP2) การพัฒนาพื้นที่บางซื่อสู่เมืองอัจฉริยะ

การศึกษาโครงการรถไฟความเร็วสูง กรุงเทพมหานคร-เชียงใหม่ ความร่วมมือด้านความปลอดภัยทางถนน และล่าสุดบันทึกความร่วมมือระหว่างกระทรวงคมนาคม และ กระทรวงที่ดิน โครงสร้างพื้นฐาน การขนส่ง และการท่องเที่ยวญี่ปุ่น (MLIT) ด้านแผนงานนโยบายและเทคโนโลยีการจราจร โดยเป็นการให้ความร่วมมือทางวิชาการให้ก่อเกิดผลลัพธ์ที่เป็นรูปธรรมในการแปรนโยบายไปสู่การปฏิบัติ

นอกจากนี้ตนยังนำเสนอแผนแม่บทโครงข่ายทางหลวงพิเศษระหว่างเมืองกับระบบราง (MR-Map) ซึ่งจะเป็นการก่อสร้างทางหลวงพิเศษระหว่างเมืองควบคู่ไปกับระบบรางเป็นเส้นทางเดียวกัน โดยในแผนแม่บทนั้นจะดำเนินการนำร่องใน 4 เส้นทางที่มีศักยภาพ ได้แก่ ชุมพร-ระนอง เชื่อมโยงระหว่างทะเลอันดามัน-อ่าวไทย  หนองคาย-ท่าเรือแหลมฉบัง  กาญจนบุรี -อุบลราชธานี  และวงแหวนรอบนอกกรุงเทพมหานคร รอบที่ 3

โดยผลการศึกษาเบื้องต้นจะแล้วเสร็จในไตรมาสที่ 4/2564 ที่จะสอดรับกับนโยบาย Indo-Pacific เพื่อสร้างสรรค์โครงข่ายการพัฒนาเศรษฐกิจที่มั่นคงและยั่งยืนให้กับภูมิภาคอาเซียน พร้อมกันนี้ได้ให้ความเชื่อมั่นสำหรับการเดินหน้าพัฒนาโครงข่ายโครงสร้างพื้นฐานด้านคมนาคมของไทยเพื่อความเชื่อมโยงในทุกระดับ    สร้างความเข้มแข็งให้กับเศรษฐกิจของไทยและภูมิภาค

นายวาตะนาเบะ ทาเคยูกิ (H.E. Mr. WATANABE Takeyuki) รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงที่ดิน โครงสร้างพื้นฐาน การขนส่ง และการท่องเที่ยวญี่ปุ่น (State Minister of Ministry of Land, Infrastructure, Transport and Tourism) กล่าวว่า ทางญี่ปุ่นเห็นด้วยกับรัฐมนตรีว่าการกระทรวงคมนาคม ทั้งการแสวงหาแนวทางลดต้นทุนโครงการรถไฟความเร็วสูง กรุงเทพมหานคร-เชียงใหม่ และการดำเนินการร่วมกันภายใต้บันทึกความร่วมมือฯ

โดยยกตัวอย่างการพัฒนาโครงการอุโมงค์ทางลอดใต้แม่น้ำเจ้าพระยา (นราธิวาส-สำโรง) ตลอดจนการพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานที่มีคุณภาพ (Quality Infrastructure) และการดำเนินงานเชิงรุกกับกระทรวงคมนาคมในการพัฒนาระบบรางและการเชื่อมโยงในอนุภูมิภาคลุ่มน้ำโขงต่อไป ขณะเดียวกันทางญี่ปุ่นขอชื่นชมความสำเร็จของโครงการระบบรถไฟชานเมือง (สายสีแดง) ที่ได้เปิดทดลองให้บริการแล้ว เมื่อวันที่ 2 สิงหาคม 2564 ที่ผ่านมา

นอกจากนี้ ในที่ประชุมฯ ได้มีการหารือกันในประเด็นการประสานความร่วมมือระหว่างโมเดลเศรษฐกิจ Bio Circular Green (BCG) Economy ของไทย กับ Green Growth Strategy ของญี่ปุ่น การยกระดับความร่วมมือในด้านค้า การลงทุน การพัฒนาอุตสาหกรรมและการเสริมสร้างสภาพแวดล้อมทางธุรกิจระหว่างกัน รวมถึงประเด็นด้านสาธารณสุข เพื่อนำไปสู่การแก้ไขปัญหาการแพร่ระบาดของโรคโควิด-19 อย่างยั่งยืน