STEC ครึ่งปีหลังคาดคมนาคมทยอยประมูลทางคู่เฟส 2 สายสีแดงส่วนต่อขยายกว่า 3 แสนล้าน

ผู้ชมทั้งหมด 206 

STEC ครึ่งปีหลังคาดคมนาคมทยอยประมูลรถไฟทางคู่เฟส 2 รถไฟฟ้าสายสีแดงส่วนต่อขยาย กรอบวงเงินรวมกว่า 3 แสนล้าน ลั่นพร้อมร่วมแบ่งเค้กทุกโครงการ หวังได้งานใหม่ปีนี้ 3 หมื่นล้าน เติม Backlog ให้อยู่ในระดับแสนล้านบาท    

นายเศรณี ชาญวีรกูล ที่ปรึกษา บริษัท ซิโน-ไทยเอ็นจีเนียริ่ง แอนด์ คอนสตรัคชั่น จำกัด (มหาชน) หรือ STEC เปิดเผยว่า ในช่วงครึ่งปีหลัง 2567 บริษัทติดตามงานโครงสร้างพื้นฐานของภาครัฐอย่างต่อเนื่อง โดยคาดว่าจะเริ่มทยอยประกวดราคาโครงการรถไฟทางคู่ระยะที่ 2 เหลืออีก 6 เส้นทางกรอบวงเงินรวม 281,738.73 ล้านบาท ซึ่งประกอบด้วยโครงการรถไฟทางคู่ ช่วงปากน้ำโพ-เด่นชัย ระยะทาง 281 กิโลเมตร กรอบวงเงิน 81,143.23 ล้านบาท, ช่วงชุมทางถนนจิระ-อุบลราชธานี ระยะทาง 308 กิโลเมตร กรอบวงเงิน 44,103.11 ล้านบาท, ช่วงชุมทางหาดใหญ่-ปาดังเบซาร์ ระยะทาง 45 กิโลเมตร กรอบวงเงิน 7,900.89 ล้าน

ช่วงชุมพร-สุราษฎร์ธานี ระยะทาง 168 กิโลเมตร กรอบวงเงิน 24,294.36 ล้านบาท, ช่วงสุราษฎร์ธานี-หาดใหญ่-สงขลา ระยะทาง 321 กิโลเมตร กรอบวงเงิน 67,459.36 ล้านบาท, ช่วงเด่นชัย-เชียงใหม่ ระยะทาง 189 กิโลเมตร กรอบวงเงิน 56,837.78 ล้านบาท

นอกจากนี้ยังมีโครงการรถไฟฟ้าสายสีแดง ส่วนต่อขยาย 3 เส้นทาง กรอบวงเงินรวม 21,790.25 ล้านบาทก็คาดว่าจะเริ่มทยอยประกวดราคาในช่วงครึ่งปีหลังเช่นกัน สำหรับโครงการรถไฟฟ้าสายสีแดง ส่วนต่อขยาย 3 เส้นทางนั้น ประกอบด้วย 1.รถไฟฟ้าชานเมืองสายสีแดง ช่วงรังสิต – ธรรมศาสตร์ ระยะทาง 8.84 กิโลเมตร กรอบวงเงิน 6,473.98 ล้านบาท 2.รถไฟฟ้าสายสีแดง ช่วงตลิ่งชัน – ศาลายา ระยะทาง 14.8 กิโลเมตร กรอบวงเงิน 10,670.27 ล้านบาท 3.รถไฟฟ้าสายสีแดง ช่วงตลิ่งชัน-ศิริราช ระยะทางรวม 5.7 กิโลเมตร กรอบวงเงิน 4,616 ล้านบาท

โดยบริษัทพร้อมที่จะเข้าร่วมประกวดราคาทุกโครงการอย่างแน่นอน ทั้งนี้ในแต่ละปีบริษัทตั้งเป้าว่าจะได้งานใหม่กว่า 30,000 ล้านบาท เข้ามาเติมงานในมือ (Backlog) เพื่อรักษา Backlog ให้อยู่ในระดับ 1 แสนล้านบาท อย่างไรก็ตามสิ้นไตรมาส 1/2567 บริษัทมี Backlog ประมาณ 9 หมื่นล้านบาทโดยเป็นงานเอกชน 50% งานภาครัฐ 50%  

“ในช่วง 2 ปีที่ผ่านมาเนื่องจากเป็นช่วงโควิด – 19 ระบาดทำงานมีงานโครงสร้างพื้นฐานของภาครัฐออกมาน้อย จึงต้องเน้นเข้าประมูลงานเอกชนมากขึ้น แต่ก็มั่นใจว่าในช่วงครึ่งปีหลังของปีนี้จะเริ่มเห็นงานภาครัฐทยอยออกมาประมูล แต่ก็ต้องแข่งขันกันสูงขึ้น เพราะนอกจากแข่งกับบริษัทผู้รับเหมาในประเทศแล้วยังต้องแข่งขันกับบริษัทจากประเทศจีนด้วย” นายเศรณี กล่าว