เปิดวิสัยทัศน์ “ไทยออยส์” มุ่งสร้างสรรค์คุณภาพชีวิตด้วยพลังงานและเคมีภัณฑ์ที่ยั่งยืน

ผู้ชมทั้งหมด 1,005 

ปัจจัยความท้าทายทางธุรกิจที่หลากหลายมากขึ้น ทั้ง การเปลี่ยนผ่านทางพลังงาน ความขัดแย้งทางภูมิรัฐศาสตร์ระหว่างประเทศต่างๆ รวมถึงเทรนด์การใส่ใจสิ่งแวดล้อม กลายเป็นโจทย์สำคัญที่ทำให้ภาคธุรกิจและอุตสาหกรรมต่างๆ ต้องเร่งปรับกลยุทธ์เพื่อขับเคลื่อนธุรกิจให้เติบโตอย่างยั่งยืนในอนาคต

“สร้างสรรค์คุณภาพชีวิต ด้วยพลังงานและเคมีภัณฑ์อย่างยั่งยืน” หรือ “Empowering Human Life through Sustainable Energy and Chemicals” คือ วิสัยทัศน์ใหม่ในการดำเนินธุรกิจของ บริษัท ไทยออยล์ จำกัด (มหาชน) หรือ TOP ซึ่งเป็นผู้ผลิตและจำหน่ายน้ำมันปิโตรเลียมสำเร็จรูป ที่ขยายการลงทุนครอบคลุมไปถึงธุรกิจปิโตรเคมี ธุรกิจสารตั้งต้นสำหรับผลิตภัณฑ์ทำความสะอาด ธุรกิจสารทำละลาย ธุรกิจไฟฟ้า ธุรกิจเอทานอล พร้อมแสวงหาโอกาสทางธุรกิจใหม่ๆ ที่เป็น New S-Curve เพื่อตอบสนองกับ Megatrend ของโลกที่เปลี่ยนแปลงอย่างรวดเร็วในปัจจุบัน

วิสัยทัศน์ดังกล่าวจะส่งเสริมให้ “ไทยออยล์” สร้างความยืดหยุ่นในการดำเนินธุรกิจ รวมถึงบริหารความเสี่ยงที่เกิดจากความไม่แน่นอนและความท้าทาย โดยเฉพาะทิศทางของเทรนด์โลกที่ต่างมุ่งเน้นการขับเคลื่อนไปสู่ความยั่งยืนรับมือต่อการเปลี่ยนแปลงที่เกิดขึ้นได้อย่างมั่นคง

การดำเนินธุรกิจของไทยออยล์ ตามวิสัยทัศน์ “สร้างสรรค์คุณภาพชีวิต ด้วยพลังงานและเคมีภัณฑ์อย่างยั่งยืน” ได้วางเป้าหมายผลักดัน และเร่งรัดการเติบโตของธุรกิจ ผ่าน กลยุทธ์ 3Vs ประกอบด้วย

Value Maximization คือ การมุ่งสร้างประโยชน์จากพื้นฐานที่มีอยู่แล้วให้เกิดประโยชน์สูงสุดผ่านโครงการพลังงานสะอาด (Clean Fuel Project หรือ CFP) ที่จะเพิ่มกำลังการกลั่นน้ำมันแตะระดับ 4 แสบบาร์เรลต่อวัน ซึ่งนับว่าเป็นโรงกลั่นฯที่มีประสิทธิภาพสูงสุดในประเทศไทย พร้อมสร้างคุณค่าเพิ่มจาการลงทุนธุรกิจโอเลฟินส์ ในบริษัท PT Chandra Asri Petrochemical Tbk (CAP) ผู้ผลิตปิโตรเคมีชั้นนำของประเทศอินโดนีเซีย เพื่อก้าวข้ามไปสู่ธุรกิจปิโตรเคมีขั้นปลาย และโอกาสสร้างการเติบโตทางธุรกิจอื่นๆในตลาดอินโดนีเซียที่มีอัตราการเจริญเติบโตสูง

Value Enhancement คือการบูรณาการห่วงโซ่คุณค่าร่วมกันภายในกลุ่มไทยออยล์ เพื่อสร้างความแข็งแกร่งให้ตลาดในประเทศและขยายตลาดไปยังประเทศเป้าหมายในภูมิภาค รองรับการกระจายผลิตภัณฑ์ของกลุ่มไทยออยล์ ผ่าน บริษัท TOPNEXT ซึ่งเป็นตัวแทนจำหน่าย และทำการตลาดผลิตภัณฑ์ของกลุ่มไทยออยล์

Value Diversification คือขยายการลงทุนไปยังธุรกิจใหม่ที่เป็น New S-Curve ที่สอดคล้องกับแนวโน้มธุรกิจในอนาคต โดยมุ่งเน้นธุรกิจที่มีมูลค่าสูง (HVB) เช่น ธุรกิจสารเคมีสำหรับยับยั้งและกำจัดเชื้อโรค และสารลดแรงตึงผิวที่ใช้ในอุตสาหกรรม และผลิตภัณฑ์ทำความสะอาด (Disinfectant & Surfactants) และธุรกิจใหม่ที่มุ่งเน้นด้านเทคโนโลยีและเป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม เช่น ธุรกิจน้ำมันเชื้อเพลิงอากาศยานชีวภาพ

ภายใต้วิสัยทัศน์ดังกล่าว ไทยออยล์ ยังขยายการลงทุนในธุรกิจไฟฟ้า เพื่อสร้างรายได้ที่มั่นคง ผ่านการดำเนินการของโรงไฟฟ้า TOP SPP และสร้างการเติบโตผ่านการลงทุนในบริษัท GPSC ซึ่งเป็น Flagship ด้านโรงไฟฟ้าในกลุ่ม ปตท.อีกด้วย

นอกจากความมุ่งมั่นในการขับเคลื่อนธุรกิจให้เติบโตอย่างมั่นคงแล้ว ไทยออยล์ ยังให้ความต่อการขับเคลื่อนธุรกิจไปสู่อนาคตที่ยั่งยืน  “TOP for the GREAT FUTURE” ด้วยการกำหนดแนวทางดำเนินงานที่เรียกว่า TOP” ประกอบด้วย

T (Transformation) คือ ปรับโฉมองค์กรในทุกมิติ ทั้งเรื่องธุรกิจ พัฒนาคนและองค์กร นวัตกรรม การนำเอาเทคโนโลยีดิจิทัลมาใช้เพื่อปรับเปลี่ยนรูปแบบหรือกระบวนการทำงาน (Digitalization)และการเงิน เพื่อให้พร้อมสำหรับธุรกิจในอนาคต

O (Operational to Business Excellence) คือยกระดับสู่ระบบการบริหารธุรกิจเชิงบูรณาการเพื่อความเป็นเลิศ (Business excellence) ด้วยเทคโนโลยีและระบบงานที่เป็นระดับสากล รวมถึงทีมงานมืออาชีพ

P (Partnership & Platform) คือ การสร้างการเติบโตด้วยแนวทางความร่วมมือกับพันธมิตรทางธุรกิจ เพื่อสร้างแพลตฟอร์มทางธุรกิจที่สำคัญทั้งในและต่างประเทศ

อย่างไรก็ตาม การขับเคลื่อนธุรกิจให้บรรลุเป้าหมายความยั่งยืนนั้น หัวใจสำคัญ คือ การบริหารจัดการด้านความยั่งยืน ซึ่งไทยออยล์ ได้วางกลยุทธ์ในเรื่องนี้ ผ่านแนวทาง 3E ที่ประกอบด้วย

Enhance Clean Environment หมายถึง การยกระดับการบริหารจัดการด้านสิ่งแวดล้อมให้สอดคล้องกับทิศทางของโลก โดยกำหนดเป้าหมายการมุ่งสู่ Carbon Neutrality ภายในปี 2050 และ Net Zero GHG Emission ภายในปี 2060 ตามเทรนด์ของโลกที่ให้ความสำคัญกับการลดภาวะโลกร้อน

Engage Society หมายถึง การเสริมสร้างความผูกพันควบคู่กับการสร้างคุณภาพชีวิตที่ดีให้แก่ชุมชนและสังคม เพื่อเติบโตร่วมกันในระยะยาว

และEnsure Good Governance หมายถึง การสร้างความเชื่อมั่นด้านบรรษัทภิบาลและความโปร่งใส เป็นธรรม ตรวจสอบได้ และมีจริยธรรม ตามหลักการกำกับดูแลกิจการที่ดี ขณะที่ยังคงความยืดหยุ่นคล่องตัวในการดำเนินธุรกิจ

ที่ผ่านมา ไทยออยล์ ได้รับการรับรองเป็นสมาชิก Dow Jones Sustainability Indices ต่อเนื่องเป็นปีที่11 และได้รับคะแนนประเมินสูงสุดของอุตสาหกรรมการตลาดและการกลั่นน้ำมันและก๊าซเป็นปีที่ 8 รางวัลดังกล่าว นับเป็นเครื่องหมายการันตีว่า ไทยออย์ เป็นองค์กรธุรกิจพลังงานที่แม้จะเผชิญกับปัจจัยความท้าทายต่างๆ แต่ไทยออยส์ ก็ให้ความสำคัญกับการเติบโตของธุรกิจที่สอดคล้องไปกับเทรนด์โลก รวมถึงมีความมุ่งมั่นในการสร้างสรรค์ผลิตภัณฑ์และนวัตกรรมที่อยู่รอบตัว เพื่อเป็นพลังเล็ก ๆ ในการขับเคลื่อนทุกคนไปสู่อนาคตที่มั่นคงและยั่งยืน

ทั้งนี้ ภายใต้การดำเนินธุรกิจด้วยวิสัยทัศน์ “สร้างสรรค์คุณภาพชีวิต ด้วยพลังงานและเคมีภัณฑ์อย่างยั่งยืน” ไทยออยล์ ได้กำหนดเป้าหมายสัดส่วนของกำไรในปี 2030 จะมาจาก ธุรกิจปิโตรเลียมและผลิตภัณฑ์มูลค่าสูงของปิโตรเลียม 45% (ปัจจุบันอยู่ที่ประมาณ 70%) ,ธุรกิจปิโตรเคมีและผลิตภัณฑ์มูลค่าสูงของปิโตรเคมี 30% ,ธุรกิจใหม่ (New S-Curve) 20% และธุรกิจไฟฟ้า 5%

วันนี้ หากคนไทยลองหันกลับมามองรอบๆตัว จะพบว่า ทุกก้าวย่างในการดำเนินชีวิตประจำวัน ทั้งการเติมน้ำมัน ไม่ว่าจะเป็น แก๊สโซฮอล์ ดีเซล ที่เป็นมาตรฐานยูโร 5 การใช้ผลิตภัณฑ์ทำความสะอาด อย่างน้ำยาทำความสะอาด ผงซักฟอก ก็มาจากสารตั้งต้นสำหรับผลิตภัณฑ์ทำความสะอาด ตลอดจนเสื้อผ้าที่สวมใส่ ล้วนผลิตมาจากเคมีภัณฑ์ขั้นต้นในการผลิตเส้นใยสังเคราะห์ที่เกิดจากกระบวนการผลิตของไทยออยล์ทั้งสิ้น

ดังนั้น  “ไทยออยล์”  ถือเป็นผู้มุ่งมั่นสร้างสรรค์ผลิตภัณฑ์และนวัตกรรมที่อยู่เบื้องหลัง เพื่อร่วมเป็นพลังขับเคลื่อนให้ทุกความฝัน และทุกความสำเร็จ ที่ร่วมส่งต่อคุณภาพชีวิตที่ดีให้กับผู้บริโภคอย่างยั่งยืน