“เมโทร เอนเนอร์ยี่”ลงทุนโรงไฟฟ้าขยะเทคโนโลยีไพโรไลซิส

ผู้ชมทั้งหมด 802 

เมโทร เอนเนอร์ยี่” ลงนามสัญญากับ “จีเอฟอี เอนเนอร์ยี่ บาล๊านซ์” ก่อสร้างโรงไฟฟ้าขยะชุมชน 9.6 เมกะวัตต์ จ.อุดรธานี ใหญ่ที่สุดในอาเซียนที่ใช้เทคโนโลยีไพโรไลซิส พร้อม COD ส.ค. 65  

นายวีระ บูรพชัยศรี กรรมการบริษัท เมโทร เอนเนอร์ยี่ จำกัด กล่าวภายหลังการลงนามเซ็นสัญญากับบริษัท จีเอฟอี เอนเนอร์ยี่ บาล๊านซ์ จำกัด ก่อสร้างโครงการก่อสร้างโรงไฟฟ้าขยะอุดรธานีไพโรไลซิสออยล์ (UWTE Power Plant) ขนาดกำลังการผลิตติดตั้ง 9.6 เมกะวัตต์ ว่า โครงการก่อสร้างโรงไฟฟ้าขยะอุดรธานีไพโรไลซิสออยล์นั้นเป็นโครงการที่อยู่ภายใต้โครงการกำจัดขยะมูลฝอยเพื่อผลิตไฟฟ้าขององค์กรปกครองส่วนท้อนถิ่น (Quick Win Projects) หรือเป็นโครงการนำร่องโรงไฟฟ้าขยะชุมชนฯ ซึ่งได้ลงนามสัญญาซื้อขายไฟฟ้า (PPA) กับการไฟฟ้าส่วนภูมิภาค (กฟภ.) จำนวน 8 เมกะวัตต์เรียบร้อยแล้ว สัญญาซื้อขายไฟฟ้า 25 ปี อัตรารับซื้อไฟฟ้า Feed-in Tariff  (Fit) 5 บาทต่อหน่วย

โครงการก่อสร้างโรงไฟฟ้าขยะอุดรธานีไพโรไลซิสออยล์แห่งนี้ใช้เทคโนโลยีไพโรไลซิส (Pyrolysis Oil Technology for 9.6 MW. Municipal Waste Power Plant) มูลค่า 710 ล้านบาท ซึ่งเป็นโรงไฟฟ้าขยะพลังงานสะอาดแห่งแรกที่ใหญ่ที่สุดในอาเซียนที่ใช้ด้วยเทคโนโลยีไพโรไลซิส  สามารถแก้ปัญหาขยะในเมืองอุดรธานีได้ 300 ตันต่อวัน หรือประมาณ 109,500 ตันต่อปีจะช่วยลดคาร์บอนไดออกไซด์ได้ 300,000 ตันคาร์บอนไดออกไซด์เทียบเท่าต่อปี กำหนดการก่อสร้างแล้วเสร็จในเดือนสิงหาคม 2565 พร้อมกับดำเนินการจ่ายไฟฟ้าเชิงพาณิชย์ (COD) ทันที ซึ่งจะส่งผลให้ล่าช้าไปประมาณ 8 เดือน จากเดิมกำหนด COD ในเดือนธันวาคม 2564 และคาดว่าจะใช้ระยะเวลาคืนทุนราว 5-6 ปี

“การก่อสร้างโครงการโรงไฟฟ้าขยะชุมชนด้วยเทคโนโลยีไพโรไลซิสเป็นความร่วมมือกันของทุกภาคส่วนในระดับเทศบาลจนถึงระดับจังหวัด ซึ่งนับว่าเป็นโรงไฟฟ้าขยะต้นแบบแห่งแรกของประเทศไทยที่ใช้เทคโนโนโลยีไพโรไลซิส มาเป็นหัวใจหลักของกระบวนการผลิตเชื้อเพลิงจากขยะพลาสติก ซึ่งเป็นเทคโนโลยีที่มีความสะอาดเป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม”นายวีระ กล่าว

นอกจากนี้แล้วบริษัทฯ อยู่ระหว่างเจรจากับเทศบาลอีก 2-3 แห่ง เพื่อลงทุนโรงไฟฟ้าขยะชุมชนที่อยู่ในโควต้าใหม่ 400 เมกะวัตต์อีกด้วย แต่ยังไม่สามารถเปิดเผยได้ว่าเป็นจังหวัดใด อย่างไรก็ตามโครงโรงไฟฟ้าขยะชุมชนโควต้า 400 เมกะวัตต์นั้นยังต้องรอความชัดเจนจากหน่วยงานภาครัฐ คาดว่าจะเห็นความชัดเจนในเดือนพฤศจิกายน 2564

นายสุรเดช บัวทรัพย์ กรรมการผู้จัดการ บริษัท จีเอฟอี เอนเนอร์ยี่ บาล๊านซ์ จำกัด กล่าวว่า ทางจีเอฟอี เอนเนอร์ยี่ บาล๊านซ์ ได้เล็งเห็นข้อดีของเทคโนโลยีไพโรไลซิส ซึ่งเป็นเทคโนโลยีใหม่ ที่มีประสิทธิภาพสูงกว่าการผลิตไฟฟ้าจากขยะโดยการใช้เตาเผาที่ใช้อย่างแพร่หลายในปัจจุบัน และยังเป็นเทคโนโลยีที่สะอาดไม่ก่อเกิดมลพิษ น่าจะมีการพัฒนาและต่อยอดไปได้อีกไกลในอนาคตเป็นอีกทางเลือกของการเปลี่ยนขยะพลาสติกเป็นพลังงานไฟฟ้าที่มีประสิทธิภาพ 

สำหรับเทคโนโลยีไพโรไลซิส (Pyrolysis Technology) คือ กระบวนการทางเคมีความร้อนที่ เปลี่ยนรูปพลาสติก ที่เป็นเชื้อเพลิงที่มี ค่าทางความร้อนสูงขึ้นในสภาวะที่ไม่มีออกซิเจน โดยทางโครงการ มีการนำขยะพลาสติกที่ผ่านการคัดแยกสู่ระบบเตาให้ความร้อนแบบควบคุมอากาศ โดยใช้ระบบเทคโนโลยีไพโรไรซิส (Pyrolysis) ที่ใช้อุณหภูมิอยู่ระหว่าง 300 C – 350 C เพื่อเปลี่ยนสถานะจากของแข็ง เป็นของเหลวหรือน้ำมัน (Pyrolysis Oil) และก๊าซสังเคราะห์ (Synthetic Gas) หลังจากผ่านกระบวนการควบแน่น น้ำมันที่เกิดขึ้นจากกระบวนการนี้จะถูกกลั่นแยกให้คุณสมบัติเหมาะสมกับ การใช้เป็นเชื้อเพลิงในการผลิตไฟฟ้าเพื่อส่งเข้าสู่ระบบสายส่งของการไฟฟ้าฝ่ายภูมิภาค