ไทยแอร์เอเชีย หวังเป็นสายการบินระดับโลก เร่งเสริมแกร่งฝูงบิน 20 ลำ   

ผู้ชมทั้งหมด 2,148 

สันติสุข” เปิดวิสัยทัศน์ดันไทยแอร์เอเชียเป็นสายการบินระดับโลก เร่งเสริมแกร่งฝูงบิน 20 ลำในปี 70 ขณะปี 67 วางเป้ารายได้โต 15-20% คาดรับปัจจัยหนุนวีซ่าฟรีจีน เล็งเปิดเส้นทางบินไกลถึงออสเตรเลีย-ตะวันออกกลาง

นายสันติสุข คล่องใช้ยา ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท เอเชีย เอวิเอชั่น จำกัด (มหาชน) และสายการบินไทยแอร์เอเชีย เปิดเผยว่า ในปี 67 บริษัทฯได้ตั้งเป้าหมายระยะสั้นคือเน้นผลประกอบการเป็นบวกกว่าปีที่ผ่านมา โดยคาดว่ารายได้น่าจะโต 15-20 % จากปี 66 มีรายได้รวม 42,983 ล้านบาท ขณะที่อัตราการขนส่งผู้โดยสาร (Load Factor) ตั้งเป้าไว้ที่ประมาณ 20-21 ล้านคน มากกว่าปี 66 ที่มีอัตราการขนส่งผู้โดยสารอยู่ที่ 18.87 ล้านคน

โดยขณะนี้เริ่มมองเห็นปัจจัยเกื้อหนุนที่จะเป็นไปตามเป้าหมายแล้ว คือเรื่องความต้องการเดินทาง ซึ่งการท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (ททท.) ได้ตั้งเป้านักท่องเที่ยวเดินทางเข้ามายังประเทศไทยในปี 67 เพิ่มเป็น 35 ล้านคน จากปี 66 มีนักท่องเที่ยวเดินทางเข้าไทย 28 ล้านคน ทั้งนี้นักท่องเที่ยวจีนเริ่มเห็นสัญญาณการเร่งฟื้นตัวต่อเนื่องใน 3 เดือนแรกของปี 67 และจากการเปิดวีซ่าฟรีระหว่างไทย-จีน เมื่อวันที่ 1 มี.ค. 67 พบว่า อัตราการขนส่งผู้โดยสารจีนเพิ่มขึ้นไปอยู่ที่ 97% หรือเต็มทุกเที่ยวบินที่ไปจีน หรือโตขึ้นจากเดือน ก.พ.และมี.ค. 67 ที่ผ่านมาถึง 12%

ขณะเดียวกันยังได้รับคำเรียกร้องหรือคำขอจากนักท่องเที่ยวจีนในเรื่องของเที่ยวบินแบบกรุ๊ปทัวร์ ในเมืองต่างๆของจีนเพิ่มมากขึ้น รวมถึงสำนักงานการบินพลเรือน (กทพ.) ยังจะเจราจรกับทางอินเดีย เพื่อขอเพิ่มโควตาเที่ยวบินและจำนวนที่นั่งด้วย ขณะที่การเดินทางท่องเที่ยวภายในประเทศก็ยังมีความแข็งแรงอยู่ ประกอบกับต้นทุนต่างๆในเรื่องของการดูแลบำรุงรักษาเครื่องบินสามารถบริหารจัดการได้ดีขึ้นทำให้ค่าใช้จ่ายลดลง สิ่งทั้งหมดนี้ถือเป็นปัจจัยบวกที่จะส่งผลให้บริษัทฯมีผลประกอบการที่ดีได้

นายสันติสุข กล่าวว่า ส่วนเป้าหมายระยะยาวนั้น คิดว่าจะเน้นการเจริญเติบโตด้วยการเพิ่มเครื่องบินประจำการให้มากขึ้น โดยระยะสั้นปี 67 จะรับมอบเครื่องบินเข้าประจำการเพิ่มจำนวน 4 ลำ แบ่งเป็นเครื่องบิน A320 อีก 1 ลำ และเครื่องบินแอร์บัส A321neo อีก 3 ลำ จากปัจจุบันมี 56 ลำจะรวม 60 ลำ และมีแผนที่จะรับเครื่องบินแอร์บัส A321 XLR จำนวน 20 ลำในปี 70 ซึ่งเป็นเครื่องที่มีรัศมีการบินที่ไกลขึ้น ทำให้สามารถหาตลาดใหม่ๆได้มากขึ้น เช่น ออสเตรเลีย หรือประเทศในตะวันออกกลาง เป็นต้น หรืออาจจะไปไกลถึงประเทศในแถบยุโรปได้

“ในอนาคตเรามีวิสัยทัศน์ที่จะกลายเป็นการสายการบินระดับโลกที่บินไปทั่วโลกไม่ใช่บินเฉพาะแค่ในอาเซียนเท่านั้น โดยการนำเครื่องที่มีรัศมีการบินที่ไกลถึง 6 ชั่วโมงเข้ามาประจำการ สามารถบินไปทุกที่ในโลกได้ ซึ่งจะเป็นส่วนหนึ่งในการสนับสนุนและพัฒนาให้ไทยเป็นศูนย์กลางการบิน (HUB) ของภูมิภาคตามนโยบายของรัฐบาล” นายสันติสุข กล่าว

นายสันติสุข กล่าวด้วยว่า ในปีนี้บริษัทฯยังได้เปิดเส้นทางบินใหม่ ได้แก่ กรุงเทพฯ (ดอนเมือง) – โอกินาว่า ประเทศญี่ปุ่น และอยู่ระหว่างการพิจารณาขยายเส้นทางบินใหม่  2 เส้นทาง คือ กรุงอูลานบาตอร์ ประเทศมองโกเลีย และกรุงกาฐมาณฑุ ประเทศเนปาล รวมถึงการพิจารณา Fifth Freedom หรือ สิทธิที่สายการบินคู่สัญญาสามารถรับขนจราจรระหว่างประเทศคู่สัญญาอีกฝ่ายหนึ่ง กับประเทศที่สาม ในเส้นทางกรุงเทพ-ไต้หวัน-ญี่ปุ่น ด้วย

นายสันติสุข กล่าวด้วยว่า ในเรื่องของราคาตั๋วเครื่องบินนั้นคิดว่าต้องดูปัจจัยเรื่องต้นทุนของสายการบิน โดยเฉพาะในส่วนของการบำรุงรักษาเครื่องที่ค่อนข้างสูง และราคาน้ำมันไม่ได้ลดลงเลย ประกอบกับภาษีสรรพสามิตรน้ำมันที่ปรับตัวสูงขึ้นตั้งแต่กลางปีที่แล้วก็เป็นปัจจัยรวมกันทำให้ต้นทุนสายการบินค่อนข้างสูง ดังนั้นคงต้องหารือร่วมกันกับผู้เกี่ยวข้องในการหาราคาที่เหมาะสมกับต้นทุนเพื่อให้ผลประกอบการดีและแข็งแรง แต่อย่างไรก็ตามราคาค่าตั๋วก็ถูกควบคุมโดย กพท.ไม่ให้เกินเพดานที่กำหนดไว้อยู่แล้ว

ส่วนการจัดโปรโมชั่นราคาตั๋วนั้น ในสัปดาห์หน้าหลายสายการบินคงจะหารือร่วมกันเรื่องแบ่งเบาภาระของประชาชนในการเพิ่มเที่ยวบินและราคาที่เหมาะสม เพื่อตอบสนองการเดินทางในช่วงเทศกาลสงกรานต์ ซึ่งเบื้องต้นเที่ยวบินที่เพิ่มขึ้นจะเป็นช่วงเวลาที่นอกเหนือจากเวลาทำการปกติ เช่น เที่ยวบินเช้ากว่าไฟท์แรกที่เคยมี หรือไฟท์ดึก จากไฟท์สุดท้ายเดิม