ACE พร้อมลุยลงทุนสร้างโรงไฟฟ้าช่วง 3-4 ปี วงเงินกว่า 2 หมื่นลบ.

ผู้ชมทั้งหมด 418 

ACE มั่นใจ ผลการดำเนินงานปี2567 โตขึ้นจากปี 2566 เตรียมรับรู้รายได้หลังโรงไฟฟ้าโซลาร์ฟาร์ม ทยอยCOD เพิ่ม 5 โครงการ ยันสถานะการเงินแกร่ง พร้อมลุยลงทุนตามแผนช่วง 3-4 ปีนี้ ใช้วงเงิน 2 หมื่นล้านบาท ขณะที่ปี 2567-2568 ใช้เงินปีละ 7-8 พันล้านบาท คาด ปี สามารถกลับมาจ่ายเงินปันผลได้

นายธนะชัย บัณฑิตวรภูมิ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท แอ๊บโซลูท คลีน เอ็นเนอร์จี้ จำกัด (มหาชน) หรือ ACE เปิดเผยในงาน Oppday year-end 2023 ACE วันที่ 26 มี.ค.2567 โดยระบุว่า แนวโน้มผลการดำเนินงานของบริษัทในปีนี้ คาดว่า กำลังการผลิตในมือจะเพิ่มขึ้นจากปี 2566 ที่มีอยู่ 602 เมกะวัตต์ เนื่องจากในปีนี้ จะมีโครงการโรงไฟฟ้า ทยอยเปิดเดินเครื่องการผลิตเชิงพาณิชย์ จำนวน 5 โครงการ กำลังผลิตติดตั้งรวม 70 เมกะวัตต์ และ โครงการโรงไฟฟ้า SPP Hybrid คลองขลุง จังหวัดกำแพงเพชรกำลังการผลิตติดตั้งรวมอีก 20 เมกะวัตต์ จะCOD ช่วงไตรมาส 2 ปีนี้ และในปี 2568 โครงการโรงไฟฟ้าโซลาร์ฟาร์ม ทยอยเปิดเดินเครื่องการผลิตเชิงพาณิชย์ อีก 10 โครงการ รวมถึงอาจมีโครงการที่ทยอยเข้ามาเพิ่มเติม

“หลังจากปีที่ผ่านมา บริษัท ชนะประมูลโครงการโรงไฟฟ้าโซลาร์ฟาร์ม 18 โครงการ กำลังผลิตรวมกว่า 200 เมกะวัตต์นั้น บริษัท ยังคงมองหาโอกาสสร้างการเติบโตในธุรกิจพลังงานหมุนเวียนอย่างต่อเนื่อง ซึ่งก็ขึ้นอยู่กับโอกาสและความเหมาะสมในแต่ละช่วง รวมถึงการหาโอกาสลงทุนในต่างประเทศด้วย ซึ่งบริษัทยังศึกษาเรื่องของความเสี่ยงและผลตอบแทนการลงทุน ขณะเดียวกันการลงทุนโรงไฟฟ้ารปูแบบกรีนฟิลด์ในประเทศ ก็ยังมีโอกาสเติบโตอีกมากก็ถือเป็นการเพิ่มทางเลือกในการลงทุนที่มากขึ้น

สำหรับความพร้อมด้านงบประมาณที่จะรองรับการพัฒนาโครงการใหม่ที่จะเกิดขึ้นในช่วง 3-4 ปีข้างหน้านั้น บริษัท ขอยืนยันว่าสถานะการเงินยังแข็งแกร่ง โดยบริษัทมีแผนที่จะใช้เงินลงทุนรวมกว่า 2  หมื่นล้านบาท โดยในช่วงปี 2567-2568 คาดว่าจะใช้เงินลงทุนอยู่ที่ปีละประมาณ 7,000-8,000 ล้านบาท ซึ่งเงินในส่วนนี้จะมาจากการกู้เงินจากสถาบันการเงินสัดส่วนประมาณ 70-75% และที่เหลืออีก 30% จะมาจากเงินลงทุนของบริษัท โดยหากคำนวนจากเงินลงทุนรวมที่ระดับ 2 หมื่นล้านบาท ก็จะต้องใช้เงินลงทุนของบริษัท อยู่ที่ประมาณ 6,000 ล้านบาท ซึ่งปัจจุบัน บริษัทมี Ebitda เข้ามาปีละกว่า 2,000 ล้านบาท ในส่วนนี้จะต้องกันไว้สำหรับบริหารจัดการหนี้ที่ ณ. สิ้นปี 2566 อยู่ที่ระดับ 5,700 ล้านบาท ฉะนั้น อาจเหลือเงินจาก Ebitda ที่นำมาใช้ได้เพียงปีละกว่า 1,000 ล้านบาท

ดังนั้น บริษัท มีความจำเป็นที่จะต้องบริหารจัดการกระแสเงินสดที่เข้ามาเพื่อรองรับการพัฒนาโครงการต่างๆที่จะเกิดขึ้นตามแผนขยายการลงทุนในช่วง 3-4 ปีข้างหน้า จึงยังไม่สามารถนำเงินมาจ่ายปันผลได้ แต่หากแผนการลงทุนต่างๆ เป็นไปตามที่วางไว้ คือ มีโรงไฟฟ้าทยอยCOD ได้ตามแผนในช่วงปี 2567-2568 ก็จะทำให้บริษัทมีการรับรู้รายได้เพิ่มเข้ามา ตอลดจนอาจมีการรับรู้รายได้จากรายการพิเศษเกิดขึ้น ก็อาจจะช่วยให้พิจารณาจ่ายเงินปันผลได้ โดยคาดว่า ตามแผนน่าจะสามารถกลับมจ่ายเงินปันผลได้ในช่วง ปี2569-2570