BCPG เล็งซื้อโซลาร์ฟาร์มในไต้หวันเพิ่มอีก 500 MW จ่อลงทุนธุรกิจผลิตแบตเตอรี่ในจีน

ผู้ชมทั้งหมด 625 

BCPG รุกตลาดลงทุนโซลาร์ฟาร์มในไต้หวัน ตั้งเป้าซื้ออีก 500 เมกะวัตต์ภายในปี 70 คาดปีหน้าทยอยปิดดีล M&A 100 เมกะวัตต์ จากที่มีอยู่ในมือ 469 เมกะวัตต์ พร้อมเล็งปิดดีลโรงไฟฟ้าในสหรัฐฯ เพิ่ม จ่อลงทุนธุรกิจผลิตแบตเตอรี่ปี 67 

นายนิวัติ อดิเรก ประธานเจ้าหน้าที่บริหารและกรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัท บีซีพีจี จำกัด (มหาชน) หรือ BCPG เปิดเผยว่า ในปี 2567 เตรียมงบลงทุนรวม 14,000 ล้านบาท โดยใช้ในการพัฒนาโครงการต่างๆ ที่อยู่ในพอร์ตให้แล้วเสร็จตามแผนที่วางไว้ และสำหรับการลงทุนในโครงการใหม่ โดยจะเน้นการซื้อกิจการ (M&A) ซึ่งในปีหน้าคาดว่าจะสามารถปิดดีล M&A โครงการโรงไฟฟ้าพลังงานแสงอาทิตย์ (โซลาร์ฟาร์ม) ขนาดกำลังการผลิต 100 เมกะวัตต์ ในประเทศไต้หวัน และตั้งเป้าปิดดีล M&A เพิ่มเป็น 500 เมกะวัตต์ภายในปี 2570 โดยส่วนใหญ่เป็นโซลาร์ฟาร์ม เนื่องจากเป็นอีกประเทศที่มีศักยภาพ ส่วนการอัตราการรับซื้อไฟฟ้านั้นเฉลี่ยในระดับ 5-6 เหรียญไต้หวันต่อหน่วย

อย่างไรก็ตามในปัจจุบันนั้น BCPG มีโซลาร์ฟาร์มที่ประเทศไต้หวันขนาดกำลังการผลิตติดตั้งรวม 469 เมกะวัตต์ คาดว่าจะสามารถเริ่มก่อสร้างได้ในปี 2567 และเปิดดำเนินการเชิงพาณิชย์ (COD) จำนวน 58 เมกะวัตต์ได้ในปี 2568 จากนั้นจะทยอย COD จนครบทั้งหมดภายในปี 2569

“บริษัทเล็งเห็นว่าการลงทุนโซลาร์ฟาร์มที่ไต้หวันนั้นเป็นโครงการที่มีศักยภาพ โดยมีสัญญารับซื้อไฟระยะยาวในอัตราค่าไฟฟ้าคงที่กับ Taiwan Power Company ซึ่งเป็นรัฐวิสาหกิจที่ควบคุมการผลิต และมีมาร์จิ้นที่ดีให้ผลตอบแทนที่ดีกับนักลงทุน และเสริมสร้างความสามารถในการแข่งขัน สร้างโอกาสในการเติบโตของบริษัท ในระยะยาว”

นายนิวัติ กล่าวว่า การลงทุนซื้อกิจการโรงไฟฟ้านอกจากการลงทุนในไต้หวันแล้วในปีหน้าคาดว่าจะยังคงเห็นการลงทุน และปิดดีลโรงไฟฟ้าเพิ่มเติมในประเทศสหรัฐอเมริกาอีกด้วย จากที่มีการลงทุนในปัจจุบันในโครงการโรงไฟฟ้าก๊าซธรรมชาติแครอล เคาน์ตี้ เอนเนอร์ยี่ และ เซาท์ ฟิลด์ เอนเนอร์ยี่ ในรัฐโอไฮโอ โครงการโรงไฟฟ้าก๊าซธรรมชาติ ฮามิลตั้น ลิเบอร์ตี้ และ ฮามิลตั้น เพทรีออต  ในรัฐเพนซิลเวเนีย คิดเป็นกำลังการผลิตติดตั้งตามสัดส่วน รวมทั้งสิ้น 857 เมกะวัตต์

ส่วนโครงการที่อยู่ระหว่างการพัฒนาในปัจจุบันมีโครงการพลังงานลม “มอนสูน” โรงไฟฟ้าพลังงานลมที่ใหญ่ที่สุดในภูมิภาคเอเชีย ขนาด 600 เมกะวัตต์ ตั้งอยู่ที่แขวงเซกอง และแขวงอัตตะปือ ใน สปป. ลาว ขณะนี้โครงการฯ อยู่ระหว่างทยอยติดตั้งกังหันลม คาดว่าจะติดตั้งแล้วเสร็จทั้งหมด 133 ต้น ภายในกลางปี 2568 และพร้อม COD ได้สิ้นปี 2568 นอกจากนี้ยังมีโรงไฟฟ้าพลังงานลมนาบาส-2 ขนาดกำลังการผลิต 13.2 เมกะวัตต์ ตั้งอยู่บนเกาะวิซายัส เมืองนาบาส สาธารณรัฐฟิลิปปินส์ เริ่มดำเนินการก่อสร้างตั้งแต่ต้นปี 2566 คาดว่าจะแล้วเสร็จ และเปิด COD ได้ภายในปี 2568 ตามแผน

ส่วนการลงทุนในประเทศไทยก็อยู่ระหว่างการพิจารณาซื้อกิจการในโครงการที่ให้ผลตอบแทนสูง แล้วนำมาพัฒนาเพิ่มประสิทธิภาพในการผลิตไฟฟ้า เช่น การลงทุนเปลี่ยนแผงโซลาร์เซลล์ที่มีศักยภาพในการผลิตไฟฟ้า ส่วนในประเทศญี่ปุ่นได้ดำเนินการขายกิจการไปหมดแล้ว โดยจะนำเงินที่ได้จาการขายกิจการโรงไฟฟ้าโซลาร์ฟาร์มมาลงทุนในโครงการที่มีผลตอบแทนที่สูงมีมาร์จิ้นที่ดี

ทั้งนี้ตามเป้าหมายในปี 2573 นั้น BCPG ตั้งเป้ามีกำลังการผลิตไฟฟ้าที่ COD เพิ่มเป็น 2,000 เมกะวัตต์ จากปัจจุบันกำลังการผลิตที่ COD แล้ว 1,263 เมกะวัตต์ เหลืออีกประมาณ 737 เมกะวัตต์ที่ต้องหากำลังการผลิตเข้ามาเพิ่ม ซึ่งมั่นใจว่าจะสามารถดำเนินการได้ตามเป้าหมาย เนื่องจากบริษัทฯ มีการทยอยลงทุนอยู่ในหลายโครงการ และมองหาโอกาสการซื้อกิจการเข้ามาเพิ่มเติมอย่างต่อเนื่อง

นายนิวัติ กล่าวถึงการลงทุนในธุรกิจผลิตแบตเตอรี่ ว่า คาดว่า ในปี 2567 จะสามารถได้ข้อสรุปเรื่องการลงทุนในธุรกิจแบตเตอรี่ในประเทศจีน โดยอาจจะเป็นลักษณะของการเข้าไปซื้อหุ้นในบริษัทฯ ที่ดำเนินธุรกิจผลิตแบตเตอรี่ในประเทศจีน และอาจจะมีการต่อยอดในการทำตลาดในประเทศไทย

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า เมื่อช่วงเดือนมีนาคม 2566 BCPG  ได้ลงนามบันทึกความเข้าใจกับบริษัท เซี่ยเหมิน เอมเพส เทคโนโลยี จำกัด (Xiamen Ampace Technology Limited) ในการพัฒนาธุรกิจแบตเตอรี่ เพื่ออุตสาหกรรมยานยนต์ไฟฟ้าสองล้อและสามล้อ แบตเตอรี่สำหรับติดตั้งในภาคครัวเรือน (Residential) ในภาคอุตสาหกรรม (Commercial & Industrial) และโอกาสในการจัดตั้งโรงงานผลิตแบตเตอรี่ระดับโมดูลหรือแพ็ค รวมถึงระดับเซลล์เพื่อตอบสนองความต้องการของตลาดในประเทศไทยและประเทศในกลุ่มเอเชียตะวันออกเฉียงใต้