EA อัดงบ 1 หมื่นล้านลุยลงทุนปี 66 คาดส่งมอบรถ EV 4 พันคัน ตั้งเป้ากวาดรายได้ 4 หมื่นล้าน  

ผู้ชมทั้งหมด 621 

EA ปี 66 อัดงบลงทุน 1 หมื่นล้านลุยขยายโรงงานผลิตแบตเตอรี่ เปลี่ยนแผงโซลาร์เซลล์ คาดปีนี้ส่งมอบรถ EV 4,000 คัน ทยอยส่งมอบ 500 คันในไตรมาส 1 ตั้งเป้ารายได้ 4 หมื่นล้าน โต 45%

นายอมร ทรัพย์ทวีกุล รองประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท พลังงานบริสุทธิ์ จำกัด (มหาชน) หรือ EA เปิดเผยว่า ปี 2566 เตรียมงบลงทุนไว้ราว 10,000 ล้านบาท แบ่งเป็นการลงทุน 6,000 ล้านบาทขยายโรงงานแผลิตแบตเตอรี่รถยนต์ไฟฟ้าเพิ่มกำลังการผลิตจาก 1 กิกะวัตต์ชั่วโมง (GWh) เป็น 4 GWh โดยการเพิ่มไลน์การผลิตในโรงงานเดิมคาดว่าจะแล้วเสร็จปลายปีนี้

พร้อมกันนี้บริษัทฯ ยังได้ใช้งบลงทุนอีกราว 2,000 ล้านบาทใช้สำหรับการลงทุนเปลี่ยนแผงโซลาร์เซลล์ เพื่อให้การผลิตไฟฟ้าจากโรงไฟฟ้าพลังงานแสงอาทิตย์ (โซลาร์ฟาร์ม) ของ EAมีประสิทธิภาพการผลิตไฟฟ้าเพิ่มขึ้น ซึ่งจากการเปลี่ยนแผงโซลาร์เซลล์ใหม่ส่งผลให้การผลิตไฟฟ้าเพิ่มขึ้น 10-12% ผลตอบแทนจากการลงทุน (IRR) อยู่ที่ 10% โดยปัจจุบัน EA มีกำลังการผลิตไฟฟ้าโซลาร์ฟาร์มรวม 278 เมกะวัตต์

นอกจากนี้ยังได้ลงทุนราว 1,000 ล้านบาท ขยายกำลังการผลิตน้ำมันไบโอ เจ็ท (Bio jet fuel) เป็น 130 ตันต่อวัน จากเดิมมีกำลังการผลิตที่ 65 ตันต่อวัน ส่วนงบลงทุนที่เหลือราว 1,000 ล้านบาทใช้สำหรับการลงทุนติดตั้งสถานีอัดประจุไฟฟ้า หรือ แท่นชาร์จรถยนต์ EV และลงทุนอื่นๆ โดยปัจจุบันมีการขยายสถานีอัดประจุไฟฟ้ารถยนต์ EV แล้ว 2,678 หัวชาร์จ

ขณะที่ภาพรวมรายได้ในปี 2566 นั้นบริษัทคาดว่าจะมีรายได้ราย 40,000 ล้านบาท เติบโต 45% เมื่อเทียบกับปี 2565 ที่มีรายได้ราว 27,546 ล้านบาท เนื่องมาจากได้รับปัจจัยหนุนจากธุรกิจผลิตและจำหน่ายรถยนต์ EV ซึ่งคาดว่าในปีนี้จะสามารถส่งมอบรถยนต์ EV ได้ราว 4,000 คัน โดยในช่วงไตรมาส 1/2566 จะทยอยส่งมอบราว 500 คัน และได้รับปัจจัยหนุนจากธุรกิจไฟฟ้า เนื่องจากประสิทธิภาพในการผลิตไฟฟ้าเพิ่มขึ้นจาการเปลี่ยนแผงโซลาร์เซลล์ใหม่ ประกอบกับค่าเอฟทีเพิ่มขึ้น

นายอมร กล่าวว่า แผนการขยายโรงงานผลิตรถยนต์ EV เฟสที่ 2 นั้นต้องมียอดสั่งผลิต (Order) ในระดับ 10,000 -15,000 คันถึงจะลงทุนขยายโรงงาน ซึ่งคาดว่าจะเริ่มเห็นการลงทุนในปี 2567 เนื่องจาก ผู้ประกอบการขนส่งเริ่มให้ความสนใจและเปลี่ยนมาใช้รถยนต์ EV เชิงพาณิชย์มากขึ้น และในอนาคตก็มีแนวโน้มเติบโตอย่างต่อเนื่อง หลายบริษัทให้ความสำคัญกับการลดใช้พลังงาน หลังจากราคาน้ำมันแพงขึ้น และเป็นการลดผลกระทบต่อการปล่อยก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ (Co2)

ส่วนการขยายลงทุนในธุรกิจผลิตไฟฟ้านั้นปัจจุบัน EA ไม่ได้มุ่งเน้นที่จะขยายการลงทุนในธุรกิจไฟฟ้า โดยจะมุ่งเน้นขยายลงทุนในธุรกิจ EV มากกว่า เนื่องจากจะเป็นธุรกิจที่เติบโตมากขึ้นในอนาคตที่สามารถสร้างผลประกอบการที่ดีให้กับบริษัทได้เป็นอย่างดี