GC เตรียมพัฒนาพลาสติกตอบรับเทรนด์ส่งเสริมรถEV

ผู้ชมทั้งหมด 1,377 

พีทีที โกลบอล เคมิคอล” ขานรับเทรนด์โลกส่งเสริมรถEV เล็งโอกาสผลิตพลาสติกน้ำหนักเบา ป้อนอุปกรณ์ประกอบตัวรถและแบตเตอรี่ คาดธุรกิจปิโตรเคมีปี65 โตสอดรับการฟื้นตัวเศรษฐกิจหลังโควิด-19 คลี่คลาย ขณะที่อุตสาหกรรมรถยนต์ครึ่งปีหลังฟื้น ส่วนธุรกิจบรรจุภัณฑ์และก่อสร้าง ยังขยายตัวหนุนความต้องการใช้พลาสติก  

นายจิตศักดิ์ สุนทรพันธุ์ Vice President: Corporate Finance & Investor Relation บริษัท พีทีที โกลบอล เคมิคอล จำกัด(มหาชน) หรือ GC เปิดเผยในงาน Oppday Year End 2021 ของบริษัท โดยระบุว่า แนวโน้มการพัฒนาอุตสาหกรรมรถยนต์ไฟฟ้า(EV) ของโลกและประเทศไทยนั้น ถือเป็นหนึ่งในทางเลือกตามกลยุทธ์ของบริษัทที่จะขับเคลื่อนธุรกิจให้เติบโตสอดรับกับเทรนด์โลกในอนาคต ซึ่งปัจจุบันบริษัท เป็นผู้ผลิต ธุรกิจผลิตภัณฑ์โพลิเมอร์(Polymers) และสารเคลือบผิว (Coating) ที่เป็นส่วนประกอบในการนำไปผลิตตัวรถและตัวแบตเตอรี่ ซึ่งต้องการใช้พลาสติกที่มีนำหนักเบา ดังนั้น เรื่องของพลาสติกวิศวกรรมก็เป็นโอกาสที่บริษัทจะเข้าไปร่วม รวมถึงตัวเคสแบตเตอรี่ ที่ต้องใช้พลาสติก บริษัทก็อยู่ในส่วนของการพัฒนาเพื่อตอบสนองความต้องการในอนาคต

อีกทั้งเรื่องของ สารเคลือบผิว (Coating) ที่บริษัทเพิ่งเข้าลงทุนในธุรกิจนี้ ผ่านการเข้าซื้อกิจการของ Allnex Holding GmbH ที่เป็นผู้ผลิต Coating Resins และ Crosslinkers ชั้นนำระดับสากล ก็จะมาตอบสนองความต้องการใช้งานของรถEV ด้วยเช่นกัน

ส่วนธุรกิจปิโตรเลียมนั้น ในส่วนของโรงกลั่นน้ำมันของบริษัท ยอมรับว่า อาจได้รับผลกระทบจากการเข้ามาของรถEV บ้าง แต่บริษัทพยายามบูรณาการธุรกิจปิโตรเลียมกับธุรกิจปิโตรเคมีเพื่อลดผลกระทบ โดยธุรกิจโรงกลั่นพยายามโฟกัสการผลิตน้ำมันดีเซล น้ำมันเครื่องบิน และน้ำมันเตากำมะถันต่ำ ซึ่งปัจจุบันการพัฒนาของรถEV ยังเป็นเพียงรถที่ขับขี่ทั่วไปสำหรับรถโดยสารที่ใช้เบนซินเป็นหลัก ดังนั้น บริษัทจึงยังไม่มีผลกระทบเนื่องจากโรงกลั่นฯของบริษัท ไม่ได้ผลิตเบนซินในปัจจุบัน

นายปวีณ เจียสกุล Division Manager : Investor Relation บริษัท พีทีที โกลบอล เคมิคอล จำกัด(มหาชน) หรือ GC กล่าวว่า แนวโน้นธุรกิจในปี 2565 นั้น ธุรกิจปิโตรเลียม ได้รับผลจากราคาน้ำมันดิบที่ทรงตัวระดับสูง แต่คาดว่า ช่วงครึ่งปีหลังราคาจะเริ่มอ่อนตัวจากซัพพลายใหม่ที่จะเข้าสู่ตลาดและทำให้เกิดสมดุลระหว่สงดีมานด์กับซัพพลายมากขึ้น ส่วน LPG คาดว่าเมื่อเข้าสู่ฤดูร้อนจะส่งผลให้ราคาเริ่มอ่อนตัว ขณะที่แนฟทา ซึ่งเป็นวัตถุดิบที่เข้าสู่ปิโตรเคมี ที่ผ่านมาราคาสูงตามแก๊สโซลีนทำให้ลดการผลิตเพื่อลดต้นทุน ก็น่าจะส่งผลให้ราคาเข้าสู่สมดุลมากขึ้น

ส่วนน้ำมันสำเร็จรูป ซึ่งโรงกลั่นน้ำมันของบริษัท มีการผลิตน้ำมันดีเซล น้ำมันเตา และน้ำมันเครื่องบิน คาดว่า ความต้องการใช้เริ่มกลับมาเติบโตเทียบกับช่วงก่อนการแพร่ระบาดของโควิด-19 แล้วทั้งตัวทั้งดีเซล และน้ำมันเตา แต่ในส่วนของน้ำมันเครื่องบิน ยังต้องติดตามดูสถานการณ์ช่วงที่เหลือของปีนี้

ขณะที่ธุรกิจบรรจุภัณฑ์และธุรกิจก่อสร้าง คาดว่าปีนี้จะเติบโตต่อเนื่อง จากกระแสทำงานที่บ้าน (WFH) แต่ยังมีปัจจัยเสี่ยงจากค่าขนส่งที่เพิ่มขึ้นและการเลิกใช้พลาสติกที่ใช้ครั้งเดียวทิ้ง รวมถึงอุตสาหกรรมสิ่งทอ ยังต้องรอดูว่าการเปิดเมืองจะส่งผลให้ผู้คนออกมาใช้ชีวิตมากขึ้นหรือไม่

นอกจากนี้ ในส่วนของอุตสาหกรรมรถยนต์ คาดว่า ช่วงครึ่งปีหลังจะเริ่มกลับมาฟื้นตัว และน่าจะเห็นอัตราเติบโตสูงกว่า 10% รวมถึงรถEV ที่จะเข้ามาซัพพอร์ตมากขึ้น

ขณะที่อุตสาหกรรม Bio and Circularity ที่เป็นการผลิตพลาสติกชนิด PLA ที่ร่วมลงทุนกับบริษัทเนเจอร์เวิร์คฯ นั้น ตลาดยังมีความต้องการใช้เพิ่มขึ้น ส่งผลให้แนวโน้มธุรกิจยังเป็นบวกต่อนข้างมาก

และธุรกิจเคมีคอล ที่ล่าสุด บริษัทเข้าลงทุนผ่านซื้อกิจการของ Allnex Holding GmbH ทำให้บริษัทเข้าสู่อุตสาหกรรมที่มีความหลากหลายมากขึ้น และปีนี้ธุรกิจมีแนวโน้มเติบโตสูงกว่าGDP ทั้งอุตสาหกรรมรถยนต์ที่คาดว่าจะฟื้นตัวครึ่งปีหลัง อุตสาหกรรมการผลิตดีขึ้น และอุตสาหกรรมก่อสร้าง ยังเติบโตจากการที่ผู้คนหันมาปรับปรุงออฟฟิศ หรือกลับเข้าสู่พื้นที่การทำงานสาธารณะมากขึ้น ซึ่งจะส่งผลดีต่อความต้องการใช้ผลิตภัณฑ์