ปตท. ชี้แจง มาตรการลดค่าใช้จ่ายไฟฟ้า กระทบการดำเนินงานรวม 10,800 ลบ.

ผู้ชมทั้งหมด 720 

ปตท.แจงข้อมูล ตลาดหลักทรัพย์ฯ มติ ครม.เรื่องมาตรการลดภาระค่าใช้จ่ายด้านไฟฟ้า กระทบผลการดำเนินงาน 2 ส่วน มูลค่ารวม 10,800 ล้านบาท

นายอรรถพล ฤกษ์พิบูลย์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหารและกรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัท ปตท. จำกัด(มหาชน) หรือPTT ได้แจ้งต่อตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย โดยระบุว่า ปตท.ขอเรียนชี้แจงข้อเท็จจริงเกี่ยวกับมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ 19 ธันวาคม 2566 เรื่องมาตรการลดภาระค่าใช้จ่ายด้านไฟฟ้า ซึ่งจะส่งผลกระทบต่อผลการดำเนินงานของ ปตท. ประกอบด้วย 1.การปรับโครงสร้างราคาก๊าซธรรมชาติ 2.การส่งผ่านราคาก๊าซธรรมชาติในอ่าวไทย กรณีผู้ผลิตไม่สามารถส่งมอบก๊าซฯ ได้ตามเงื่อนไขสัญญาซื้อขายก๊าซฯ (“Shortfall”)

โดยการปรับโครงสร้างราคาก๊าซฯ ตามมาตรการข้างต้นส่งผลให้ต้นทุนของโรงแยกก๊าซฯ เปลี่ยนแปลงจากก๊าซฯ ในอ่าวไทยเป็นต้นทุนถัวเฉลี่ยก๊าซฯ จากทุกแหล่ง ได้แก่อ่าวไทย พม่า และก๊าซธรรมชาติเหลว (Liquefied
Natural Gas: LNG) (“Pool Gas”) ซึ่งจะส่งผลกระทบต่อต้นทุนการดำเนินงานของธุรกิจโรงแยกก๊าซฯ ที่จะปรับสูงขึ้น ยกเว้นก๊าซปิโตรเลียมเหลวที่ใช้เป็นเชื้อเพลิงในประเทศ 

ทั้งนี้ มาตรการข้างต้นเป็นมาตรการระยะสั้นจนกว่าจะมีการกำหนดโครงสร้างราคาก๊าซฯ อย่างเป็นทางการโดยคณะกรรมการกำกับกิจการพลังงาน (“กกพ.”)แล้วเสร็จ โดยจากการประมาณการผลกระทบเบื้องต้นในช่วงเดือนมกราคม – เมษายน 2567 จะทำให้ผลการดำเนินงานโดยรวมของธุรกิจก๊าซฯของปตท. ปรับตัวลดลงประมาณ 6,500 ล้านบาท

อย่างไรก็ดี ปตท. ได้วางแผนเพื่อหามาตรการในการลดผลกระทบที่เกิดขึ้นเช่น การปรับแผนการเดินเครื่องของโรงแยกก๊าซฯ (Optimization) การเสนอแนวทางการจัดหา LNG เพื่อให้บรรลุเป้าหมายกรอบราคาค่าไฟฟ้าตามนโยบายภาครัฐ รวมถึง ปตท. จะหารือกับกระทรวงพลังงานถึงผลกระทบที่เกิดขึ้นจากการปรับโครงสร้างราคาก๊าซฯในภาพรวมทุกด้าน เพื่อหาแนวทางที่เหมาะสมร่วมกัน

โดยในส่วนของ Shortfall ซึ่งกกพ. ได้มีคำสั่งว่า ปตท. คำนวณราคา Pool Gas ไม่ถูกต้อง และให้ ปตท. นำ Shortfall ช่วงเดือนตุลาคม 2563 -ธันวาคม 2565 มูลค่ารวมประมาณ 4,300 ล้านบาท มาคำนวณในราคา Pool Gas นั้น ปตท. เชื่อว่า ปตท. ได้คำนวณราคา Pool Gas ถูกต้องและเป็นไปตามมติคณะกรรมการนโยบายพลังงานแห่งชาติ(“กพช.”) และประกาศกกพ. ที่เกี่ยวข้องรวมทั้งถูกต้องตามสัญญาซื้อขายก๊าซฯ มาโดยตลอด ปตท. จึงได้ยื่นอุทธรณ์คำสั่งดังกล่าวต่อกกพ. ต่อมาปรากฏว่า กกพ. ได้มีคำวินิจฉัยยกอุทธรณ์ของ ปตท. โดยให้ปตท. ปฏิบัติตามคำสั่งทันทีและหาก ปตท. ไม่เห็นด้วยกับคำวินิจฉัยของ กกพ. ปตท. มีสิทธิยื่นฟ้องต่อศาลปกครอง หรือยื่นเรื่องต่อสำนักงานอัยการสูงสุดตามระเบียบสำนักนายกรัฐมนตรีว่าด้วยการพิจารณาชี้ขาดการยุติข้อพิพาทระหว่างหน่วยงานของรัฐและการดำเนินคดี พ.ศ. 2561 ภายใน 90 วันนับแต่วันที่ทราบคำวินิจฉัยของ กกพ.

ทั้งนี้ เพื่อให้เป็นไปตามคำสั่งของกกพ.คณะกรรมการ ปตท. ในการประชุมนัดพิเศษ ครั้งที่ 1/2567 เมื่อวันที่ 12 มกราคม 2567 จึงได้มีมติอนุมัติให้ปตท. ปฏิบัติตามคำวินิจฉัยอุทธรณ์ของ กกพ. โดย ปตท. จะพิจารณาแนวทางดำเนินการ หรือการใช้สิทธิตามกฎหมายที่จำเป็นและสมควรต่อไป