AOT คาดผู้โดยสารช่วงฤดูหนาวโต 20.32% ยันเพิ่มค่า PSC ไม่เป็นภาระค่าใช้จ่ายผู้โดยสาร

ผู้ชมทั้งหมด 473 

AOT คาดผู้โดยสารช่วงฤดูหนาวเติบโต 20.32% ยืนยันเพิ่มค่า PSC ไม่เป็นภาระค่าใช้จ่ายผู้โดยสาร แต่ได้รับบริการที่มีคุณภาพทันสมัย ด้านกพท. ศึกษาทบทวนค่าบริการผู้โดยสารขาออกใหม่ให้เหมาะสม คาด 1 ปีได้ข้อสรุป

นายกีรติ กิจมานะวัฒน์ ผู้อำนวยการใหญ่ บริษัท ท่าอากาศยานไทย จํากัด (มหาชน) หรือ AOT เปิดเผยถึงการเตรียมพร้อมรับผู้โดยสารเพิ่มขึ้นในช่วงการท่องเที่ยวฤดูหนาวว่า AOT ประมาณการปริมาณผู้โดยสารช่วงการท่องเที่ยวฤดูหนาว ปี 67 ช่วงเดือน พ.ย.66-มี.ค.67 ณ ท่าอากาศยานทั้ง 6 แห่ง ได้แก่ ท่าอากาศยนสุวรรณภูมิ (ทสภ.) ท่าอากาศยานดอนเมือง (ทดม.) ท่าอากาศยานเชียงใหม่ (ทชม.)  ท่าอากาศยานแม่ฟ้าหลวง เชียงราย ท่าอากาศยานภูเก็ต (ทภก.) และท่าอากาศยานหาดใหญ่ (ทหญ.) จะมีผู้โดยสารรวมประมาณ 51.11 ล้านคน เพิ่มขึ้น 20.32% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีที่ผ่านมา แบ่งเป็นผู้โดยสารภายในประเทศประมาณ 21.57 ล้านคน เพิ่มขึ้น 4.75% และผู้โดยสารระหว่างประเทศ 29.54 ล้านคน เพิ่มขึ้น 34.96%

ส่วนภาพรวมปีงบ 67 (เดือน ต.ค.66-ก.ย.67) คาดว่า ปริมาณผู้โดยสารเดินทางผ่านท่าอากาศยานทั้ง 6 แห่งประมาณ 119.78 ล้านคน เพิ่มขึ้น 19.71% แบ่งเป็นผู้โดยสารภายในประเทศประมาณ 49.48 ล้านคน เพิ่มขึ้น 7.2% และผู้โดยสารระหว่างประเทศประมาณ 70.30 ล้านคน เพิ่มขึ้น 30.41%

ทั้งนี้จากการประมาณการผู้โดยสารดังกล่าวสอดคล้องกับจำนวนผู้โดยสารที่เกิดขึ้นจริงของเดือน พ.ย.66  โดยมีผู้โดยสารรวม 9.53 ล้านคน แบ่งเป็นผู้โดยสารภายในประเทศ 4 ล้านคน และผู้โดยสารระหว่างประเทศ 5.53 ล้านคน ซึ่งแนวโน้มการเติบโตของอุตสาหกรรมการบินยังคงเป็นปัจจัยสนับสนุนต่อการเพิ่มขึ้นของจำนวนโดยสารโดยเฉพาะผู้โดยสารระหว่างประเทศ รวมทั้งมาตรการต่างๆ ของภาครัฐที่มีอยู่ในปัจจุบัน เช่น วีซ่าฟรี กระตุ้นให้มีการเดินทางของผู้โดยสารเพิ่มขึ้น

โดยปริมาณผู้โดยสารที่เดินทางเข้ามาประเทศไทยตั้งแต่มีมาตรการวีซ่าฟรี เป็นผู้โดยสารสัญชาติจีนเฉลี่ยวันละ 16,800 คน เพิ่มขึ้น 27.3% เมื่อเทียบกับก่อนมีมาตรการ ชาวคาซัคสถานเฉลี่ยวันละ 560 คน เพิ่มขึ้น 143.5% ชาวอินเดียเฉลี่ยวันละ 6,000 คน เพิ่มขึ้น 17.6% และชาวไต้หวันเฉลี่ยวันละ 4,500 คน เพิ่มขึ้น 18.4%

ส่วนปริมาณผู้โดยสารปีงบ 66 (เดือน ต.ค.65-ก.ย.66) ท่าอากาศยาน 6 แห่งของ ทอท. นั้นพบว่าผู้โดยสารชาวจีนยังคงมีจำนวนสูงสุดเมื่อเทียบกับสัญชาติอื่น โดยมีจำนวน 5.33 ล้านคน รองลงมาคือ สัญชาติอินเดีย 3.26 ล้านคน เกาหลีใต้ 3.07 ล้านคน มาเลเซีย 2.21 ล้านคน และรัสเซีย 2.2 ล้านคน

นายกีรติ กล่าวต่อว่า ส่วนกรณีที่ AOT จะปรับขึ้นค่าบริการผู้โดยสารขาออก (Passenger Service Charge: PSC) สําหรับผู้โดยสารขาออกระหว่างประเทศ โดยปรับจาก 700 บาทต่อคน เป็น 730 บาทต่อคน และค่า PSC สําหรับผู้โดยสารขาออกภายในประเทศ ปรับจาก 100 บาทต่อคน เป็น 130 บาทต่อคน ตั้งแต่วันที่ 1 เม.ย.67 เป็นต้นไป นั้น AOT ไม่ได้มีการปรับขึ้นค่า PSC มาเป็นเวลากว่า 17 ปีแล้ว ครั้งล่าสุดเมื่อเปิดให้บริการท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ (ทสภ.) ในปี 2549 โดยรายได้จากการจัดเก็บค่า PSC กฎหมายได้กําหนดให้ผู้บริหารท่าอากาศยานนําไปใช้ในการพัฒนาท่าอากาศยาน จัดหาและปรับปรุงสิ่งอํานวยความสะดวกต่างๆ และการบํารุงรักษาด้านความปลอดภัยท่าอากาศยานให้เป็นไปตามมาตรฐานของท่าอากาศยานในระดับสากล

โดย ทอท. ได้วางแผนลงทุนการพัฒนาปรับปรุงคุณภาพการให้บริการในท่าอากาศยานทุกแห่ง เพื่อประโยชน์ต่อผู้โดยสาร เป็นวงเงินกว่า 16,000 ล้านบาท ในระยะเวลา 20 ปี ตั้งแต่ปี 65-85 อาทิ ระบบบริการผู้โดยสารขึ้นเครื่อง ระบบเช็คอินด้วยตนเองอัตโนมัติ และ บริการรับกระเป๋าสัมภาระอัตโนมัติ เป็นต้น ทั้งนี้เพื่อเพิ่มทางเลือกให้ผู้โดยสารได้รับบริการที่รวดเร็ว ลดเวลารอคิวสำหรับบริเวณจุดตรวจหนังสือเดินทางที่จะปรับปรุงพื้นที่ตรวจลงตราคนเข้าเมือง (ตม.) ขาออก ชั้น 4 อาคารผู้โดยสาร ทสภ. โดยจะติดตั้งเครื่อง Automated Border Control (ABC) มาใช้แทนการตรวจลงตราโดยเจ้าพนักงาน เช่นเดียวกับสนามบินชั้นนําทั่วโลก ทําให้สามารถปรับปรุงพื้นที่เคาน์เตอร์ ตม.เดิมเป็นพื้นที่จุดตรวจค้นผู้โดยสารเพิ่มได้อีก

“ขอยืนยันว่าค่า PSC ที่เพิ่มขึ้นไม่ได้เป็นการผลักภาระค่าใช้จ่ายให้ผู้โดยสารอย่างแน่นอน เนื่องจากเป็นการย้ายหมวดการจัดเก็บเท่านั้น จากค่าบริการเค้าเตอร์เช็คอินของสายการบินที่เรียกเก็บรวมในค่าตั๋วโดยสารอยู่แล้วมาเป็นค่า PSCแทน ซึ่งยังรวมอยู่ในค่าตั๋วโดยสาร ไม่ได้กระทบต่อรายจ่ายของผู้โดยสารแต่อย่างใด ขณะเดียวกันค่า PSC ที่เพิ่มขึ้นจะทำให้ ทอท. มีรายได้เพิ่มขึ้น แต่ไม่ได้เพิ่มอย่างมีนัยะสำคัญ เป็นการเพิ่มตามปริมาณผู้โดยสาร เช่น ปี 67 คาดการณ์ว่าจะมี ผู้โดยสารใช้บริการสนามบิน ทอท. จำนวน 120 ล้านคน จะทำให้ ทอท. มีรายได้เพิ่มประมาณ 3,600 ล้านบาทต่อปี เป็นต้น นายกีรติกล่าว

ด้าน นายสุทธิพงษ์ คงพูล ผู้อำนวยการสำนักงานการบินพลเรือนแห่งประเทศไทย (กพท.) กล่าวว่า จากการเก็บค่า PSC ของ ทอท. มองว่า ผู้โดยสารจะได้รับประโยชน์มากขึ้น และจะได้รับบริการที่สะดวกขึ้นทั้งนี้ กพท. อยู่ระหว่างการศึกษาพิจารณาทบทวนแนวทางการจัดเก็บค่า PSC ใหม่ทั้งระบบ เนื่องจากค่า PSC มีการเรียกเก็บทุกสนามบินทั่วโลก ซึ่งมีราคาที่สูงและต่ำกว่าที่ไทยดำเนินการจัดเก็บอยู่ ดังนั้นจึงต้องไปพิจารณาอัตราการจัดเก็บที่เหมาะสม เพราะบางรายการไม่ได้เป็นต้นทุนแล้ว หรือหลายรายการเป็นต้นทุนใหม่ ส่วนจะเพิ่มขึ้นหรือลดลงสามารถเป็นไปได้ทั้งนั้น

โดยคาดว่าจะใช้เวลาศึกษาและดำเนินการตามกระบวนการ เพื่อเสนอคณะกรรมการการบินพลเรือน (กบร.) เสนอ รมว.คมนาคม เห็นชอบ ในระยะเวลา 1 ปี หรือช่วงปลายปี 67 ส่วนการเก็บค่า PSC ในกฎระเบียบและเชิงนโยบาย เป็นการผลักภาระผู้โดยสารหรือๆไม่นั้น ต้องพิจารณาระบบเหมาะสมและเป็นธรรม ซึ่งผู้ให้บริการต้องมีต้นทุน โดยเฉพาะต้นทุนการเดินทางต้องมาที่ผู้ใช้บริการ ซึ่งเรื่องนี้ได้ดำเนินการตามกฎหมายและกฎระเบียบที่ระบุไว้เรียบร้อย และสังคมสามารถตรวจสอบได