WHAUP มั่นใจยอดขายน้ำ-กำลังผลิตไฟฟ้าปีนี้โตใกล้เคียงเป้า

ผู้ชมทั้งหมด 613 

WHAUP คาด ยอดขายน้ำ-ไฟฟ้า ทั้งปีนี้เติบโตตามใกล้เคียงเป้าหมายที่ 150 ล้านลูกบาศก์เมตร และ 700 เมกะวัตต์ รับเจรจาหาโอกาสขยายการลงทุนโรงไฟฟ้าโซลาร์และลมหลายโครงการ  

นายสมเกียรติ เมสันธสุวรรณ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท ดับบลิวเอชเอ ยูทิลิตี้ส์ แอนด์ พาวเวอร์ จำกัด (มหาชน) WHAUP เปิดเผยในงาน Oppday Q2/2022 บริษัท ดับบลิวเอชเอ ยูทิลิตี้ส์ แอนด์ พาวเวอร์ จำกัด (มหาชน) WHAUP โดยระบุว่า แผนโน้มผลการดำเนินของบริษัทในช่วงที่เหลือของปีนี้ จะเติบโตต่อเนื่องจากครึ่งปีแรก และส่งผลให้ผลการดำเนินงานทั้งปีเป็นไปตามเป้าหมายที่ตั้งไว้ โดยส่วนของธุรกิจสาธารณูปโภค จะมียอดจำหน่ายน้ำรวม อยู่ที่ 150 ล้านลูกบาศก์เมตร หลังครึ่งปีแรก สามารถทำยอดจำหน่ายได้แล้ว 75 ล้านลูกบาศก์เมตร และในช่วงครึ่งปีหลัง จะมีโครงการที่จะทยอยเปิดดำเนินการเชิงพาณิชย์ 2 โครงการ ได้แก่ โครงการซื้อขายน้ำอุตสาหกรรมคุณภาพสูงกับ Gulf TS3&4 กำลังการผลิต 1.4 ล้านลูกบาศก์เมตรต่อปี ซึ่งมีกำหนดการเปิดดำเนินการเชิงพาณิชย์ในช่วงไตรมาส 3/65 และโครงการซื้อขายน้ำปราศจากแร่ธาตุ กับ บริษัท พูแรค (ประเทศไทย) จำกัด ที่มีกำลังการผลิตกว่า 790,000 ลูกบาศก์เมตรต่อปี โดยคาดว่าจะเริ่มจำหน่ายน้ำได้ในไตรมาส 4/65

ขณะที่ธุรกิจน้ำในประเทศเวียดนาม มีแนวโน้มเติบโตอย่างต่อเนื่อง ทั้งจากโครงการ ดวง ริเวอร์ เซอร์เฟส วอเตอร์แพลนท์ (Duong River Surface Water Plant: SDWTP) และบริษัท เก๋อ หล่อ วอเตอร์ ซัพพลาย (Cua Lo Water Supply) ตามทิศทางความต้องการใช้น้ำที่คาดว่าจะทยอยเพิ่มขึ้นตามการฟื้นตัวของเศรษฐกิจในเวียดนามหลังจากสถานการณ์โควิด-19 คลี่คลาย

ส่วนธุรกิจไฟฟ้า คาดว่า สิ้นปีจะมีกำลังการผลิตในมือแตะ 700 เมกะวัตต์ จากปัจจุบัน อยู่ที่ประมาณ 676 เมกะวัตต์ โดยธุรกิจไฟฟ้านับจากนี้ไปจะมุ่งไปสู่เรื่องของการลงทุนพลังงานสะอาดมากขึ้น โดยเฉพาะโรงไฟฟ้าพลังงานหมุนเวียน เช่น โซลาร์ และ ลม ซึ่งปัจจุบันก็เตรียมการเตรียมเข้าลงทุนในหลายโครงการ แต่จะพิจารณาการลงทุนอย่างระมัดระวัง รวมถึงดูในเรื่องของโรงไฟฟ้าขนาดใหญ่ด้วย ก็คาดหวังจะเห็นความชัดเจนในปีนี้

สำหรับแนวโน้มผลการดำเนินงานในไตรมาส 3 ปีนี้ ยอมรับว่า เหนื่อยและเป็นปีที่ท้าทายสำหรับธุรกิจไฟฟ้า โดยเฉพาะโรงไฟฟ้า SPP ที่ได้รับผลกระทบจากต้นทุนราคาก๊าซฯที่ปรับสูงขึ้น และในไตรมาส 3 ราคาก๊าซฯยังปรับสูงขึ้นต่อเนื่อง แต่ขณะเดียวกันภาครัฐ ก็มีนโยบายปรับขึ้นอัตราค่าไฟฟ้า Ft ในช่วงเดือน ก.ย.-ธ.ค.65 ประมาณ 60 สตางค์ต่อหน่วย ซึ่งผลจากการปรับค่า Ft น่าจะเข้ามาหนุนการดำเนินงานไตรมาส 3 ไม่มากเพราะจะรับรู้เพียงเดือนเดียว แต่ในช่วงไตรมาส 4 ของปีนี้ คาดว่า การปรับขึ้นค่า Ft จะเข้ามาช่วยลดผลกระทบจากต้นทุนค่าก๊าซฯที่เพิ่มขึ้นได้